เติมเต็มงานแต่งงานให้สวยสมบูรณ์แบบ พร้อมดื่มด่ำความประทับใจของอาหารจัดเลี้ยงชั้นเลิศในแบบที่เป็นคุณ @โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok)

เมื่อพูดถึง “โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok)” หลายคนคงนึกถึงภาพโรงแรมสุดหรูสัญชาติญี่ปุ่นที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางย่านเพลินจิต หรือนึกถึงความอร่อยระดับมิชลินสตาร์ของห้องอาหาร Elements ใช่ไหมคะ แต่ครั้งนี้ Weddinglist จะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งด้านที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันของโรงแรมแห่งนี้ค่ะ นั่นคือการจัดงานแต่งงานที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ นั่นเอง พร้อมกับอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษจาก Executive Chef  ของโรงแรม รับรองได้เลยว่าใครที่ยังไม่เคยสัมผัสหรือรู้จักที่นี่มาก่อน จะต้องลิสต์ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ไว้เป็นหนึ่งในรายชื่อโรงแรมในใจอย่างแน่นอน

“โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่แตกต่าง งดงามเหนือกาลเวลา

ตอบทุกโจทย์ของบ่าวสาวอย่างครบครัน ด้วยแพ็กเกจแต่งงานสุดคุ้มค่า

พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์น่าจดจำของอาหารจัดเลี้ยงระดับพรีเมี่ยม” 

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) 

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) คือ โรงแรมระดับ 5 ดาว สุดหรู ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครในย่านธุรกิจสำคัญอย่างเพลินจิตค่ะ แน่นอนว่าสะดวกในเรื่องการเดินทางมากๆ เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถเลือกใช้เส้นทางด่วนมาลงที่เพลินจิตใต้หรือถนนพระราม 4 ได้ หรือถ้าหากเลือกเดินทางโดยรถสาธารณะ ก็ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีเพลินจิตทางออก 2 ซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อไปอาคารของโรงแรมโดยตรงเลย นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าใหญ่ เช่น เซ็นทรัลเอ็มบาสซี เซ็นทรัลชิดลม ฯลฯ อาคารสำนักงาน สถานทูตฯ อีกด้วยค่ะ

ในส่วนของสไตล์ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ตกแต่งแบบโมเดิร์น-ลักชูรี่ การออกแบบภายในเต็มไปด้วยดีไซน์และงานศิลปะที่ดูเรียบง่าย แต่หรูหรา และทรงคุณค่าสมกับความเป็นสัญชาติญี่ปุ่นค่ะ ตัวโรงแรมเป็นอาคารแบบ High Rise มีกระจกโดยรอบ ทำให้บรรยากาศภายในโรงแรมมีความปลอดโปร่ง รับแสงธรรมชาติได้ตลอดวัน อีกทั้งยังสามารถเผยให้เห็นวิวเมืองมุมสูงได้จากแทบทั่วทุกมุมในโรงแรมอีกด้วย

มนต์เสน่ห์ของความงามที่เหนือกาลเวลา @ Grand Ballroom

การจัดงานแต่งงานที่สามารถถ่ายทอดตัวตนของบ่าวสาวลงไปได้ทุกรายละเอียดในห้องบอมรูมหรูสไตล์ Modern Japanese Luxury  คือ การจัดงานแต่งงานที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ค่ะ ที่นอกจากบ่าวสาวจะได้รับประสบการณ์สุดพิเศษแล้ว โรงแรมยังมีทีมงานมากประสบการณ์ช่วยดูแล ให้คำปรึกษา และช่วยแก้ไขปัญหาให้คุณได้อีกด้วย

Grand Ballroom แห่งนี้ สามารถรองรับแขกสูงสุดได้ 350 ท่าน ตัวห้องมีเพดานสูง 9 เมตร เพิ่มเสน่ห์ความหรูหราไปอีกระดับเมื่อเพดานถูกประดับด้วยแชนเดอเลียคริสตัลรูปทรงสี่เหลี่ยม ภายในห้องไม่มีเสา ตกแต่งในสไตล์เรียบหรูแบบญี่ปุ่นที่ทางโรงแรมเลือกใช้โทนสีของห้องเป็นสีครีม,สีเทา ทำให้ดูสะอาดละมุนตา พร้อมรับทุกการแต่งแต้มสีสันในวันสุดพิเศษ ซึ่งเหมาะทั้งสำหรับจัดงานแต่งงานในธีมหวานหรู ไปจนถึงงานแต่งงานเก๋ ๆ ที่พร้อมพลิกเป็น After Party สุดชิคต่อได้เลย

บรรยากาศอบอุ่น รับแสงธรรมชาติ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยปัง @ SORA Room 

และนอกจากห้องแกรนด์บอลรูมแล้ว ยังมีอีกหนึ่งห้องจัดเลี้ยงสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศอบอุ่นที่เหมาะสำหรับจัดงานพิธีในช่วงเช้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพิธีหมั้น พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีสงฆ์ หรือพิธียกน้ำชา สามารถทำได้ที่ SORA Room แห่งนี้ รองรับแขกสูงสุด 120 ท่าน ซึ่งบรรยากาศของห้องจะเน้นไปที่ความปลอดโปร่ง สบาย และดูอบอุ่น ด้วยหน้าต่างที่เป็นกระจกบานใหญ่ทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ เผยให้คุณได้มองเห็นวิวเมืองหรือวิวสวนของย่านเพลินจิต

เข้าใจทุกความต้องการของบ่าวสาว พร้อมเติมเต็มค่ำคืนสุดพิเศษของคุณให้สมบูรณ์แบบด้วยอาหารเลิศรส  

คุณภาพของอาหารจัดเลี้ยงเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญของงานแต่งงานที่ช่วยสร้างความประทับใจได้อย่างไม่รู้ลืมค่ะ ซึ่งโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ นั้นการันตีรสชาติของอาหารด้วยคุณภาพระดับ Fine Dining ทั้งอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับจากห้องอาหาร Yamazato ที่ได้รับ ‘มิชลิน เพลท’ (Michelin Plates) ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จากคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย , อาหารฝรั่งเศสสุดหรูจากวัตถุดิบแบบญี่ปุ่นก็การันตีรสชาติด้วยรางวัล 1 ดาวมิชลิน 3 ปีซ้อน ในปี 2018 – 2020 ของห้องอาหาร Elements และห้องอาหาร Up & Above ที่เสิร์ฟอาหารนานาชาติ พร้อมบรรยากาศของวิวเมืองสุดโรแมนติกค่ะ

นอกจากเมนูอาหารจัดเลี้ยงจะมีให้เลือกหลากหลายสัญชาติแล้ว รูปแบบการจัดเลี้ยงที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ก็ไม่น้อยหน้า สามารถจัดได้ทุกแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะจีนสำหรับงานเลี้ยงฉลองมงคลแบบทางการสำหรับงานที่แขกผู้ใหญ่ชื่นชอบในอาหารจีนคุณภาพพรีเมี่ยม หรือบุฟเฟ่ต์สำหรับงานแต่งงานบรรยากาศสบาย ๆ ให้แขกได้เลือกลิ้มลองได้ตามใจ หรือจะเป็นค็อกเทลปาร์ตี้ที่การเสิร์ฟอาหารจะมาในรูปแบบคาเนเป้พอดีคำ หน้าตาสวยงามค่ะ และในทุกรูปแบบของการจัดเลี้ยงโรงแรมสามารถจัดทำได้แบบ Tailor made เลย รับรองว่าถูกใจบ่าวสาวที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของการจัดงานอย่างแน่นอนค่ะ

รูปแบบอาหารจัดเลี้ยง 

• บุฟเฟ่ต์
• โต๊ะจีน
• ค็อกเทล

ราคาอาหาร 

• ค็อกเทลเริ่มต้น  1,300 บาท / ท่าน
• บุฟเฟ่ต์เริ่มต้น    1,600 บาท /ท่าน
• โต๊ะจีนเริ่มต้น     18,000 บาท /โต๊ะ

บทสัมภาษณ์พิเศษจาก Executive Chef ของโรงแรม ดิ โอกุระ เพลสทีจ กรุงเทพฯ 

และแน่นอนค่ะว่าอาหารรสเลิศจะออกมาสมบูรณ์แบบไม่ได้เลย หากไม่มีเชฟมากฝีมือที่ช่วยรังสรรค์ทุกเมนูให้พิเศษราวกับเป็นคำขอบคุณจากโรงแรมและเชฟ ซึ่งครั้งนี้พิเศษมาก ๆ เพราะทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับเชฟ เซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ดูแลอาหารและขนมหวานในส่วนจัดเลี้ยงของโรงแรม ดิ โอกุระ เพลสทีจ กรุงเทพฯ ค่ะ

สำหรับเชฟผู้ดูแลการบริการอาหารและขนมหวานในส่วนจัดเลี้ยงของโรงแรม น่าจะต้องเจอคู่บ่าวสาวมาหลายคู่และมีความต้องการที่ไม่เหมือนกันแน่นอน เชฟมีวิธีจัดการอย่างไรคะ ?

เชฟเซบาสเตียน : “ทางโรงแรมจะนัดวันทำ Food Testing กับคู่บ่าวสาวทุกครั้งก่อนวันงาน ซึ่งเปิดโอกาสให้คู่บ่าวสาวได้ชิมอาหารและเชฟก็จะมารับฟังความคิดเห็นเอง และหากมีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนเชฟก็จะให้คำแนะนำเพื่อปรับให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คู่บ่าวต้องการมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นไปได้ดีทุก ๆ คู่ เนื่องจากเราให้ความใส่ใจกับคุณภาพวัตถุดิบมาก วัตถุดิบที่ดีคือหัวใจสำคัญของการปรุงอาหารให้อร่อยถูกปาก ทางโรงแรมคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียมเท่านั้น คู่บ่าวสาวทุกคู่มั่นใจและวางใจได้ว่าอาหารจะมีรสชาติอร่อยถูกปากแขกที่มาร่วมงานอย่างแน่นอน” 

สำหรับเชฟเซบาสเตียน ซึ่งเป็นเชฟที่ดูแลเรื่องขนมหวานการจัดเลี้ยงด้วย เชฟคิดว่าอะไร คือ เสน่ห์ของขนมหวาน ?  

เชฟเซบาสเตียน : “เสน่ห์ของขนมหวานอยู่ที่หน้าตาสวยงาม น่ารับประทานและรสชาติที่ลงตัวพอดี ซึ่งการจะทำออกมาให้ดีได้ทั้งรสชาติและหน้าตา นอกจากส่วนผสมจะต้องพอดีแล้ว วัตถุดิบคุณภาพพรีเมียมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักสำคัญ ที่จะช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับขนมหวานเช่นกัน”

และเชฟคิดว่าหัวใจสำคัญของขนมหวานในงานแต่งงานคืออะไร ?

เชฟเซบาสเตียน : “การได้ถ่ายทอดความอ่อนหวานและความสวยงามในแบบใหม่ ๆ ให้ออกมาในรูปของขนมหวาน ถือ เป็นหัวใจสำคัญ อย่างเช่น เค้กแต่งงาน ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเอกของขนมหวานในงานแต่ง ที่นอกจากจะต้องหน้าตาสวยน่ารับประทานแล้ว รสชาติจะต้องอร่อยด้วย”

เชฟเซบาสเตียน : “ขนมเหมือนกับผู้หญิง ที่ทั้งอ่อนหวานและโรแมนติก”

“ความใส่ใจในทุกคู่บ่าวสาวและทุกเสียงตอบรับ คือ หัวใจสำคัญของการเป็นเชฟอาหารและเชฟขนมหวาน” ประจำโรงแรมดิ โอกุระ เพลสทีจ กรุงเทพฯ นั่นเองค่ะ

 ขอแพ็คเกจแต่งงานโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ

ความคิดเห็นจากทีมงานWeddinglist

“โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok)”  ถือเป็นอีกหนึ่งโรงแรม 5 ดาว ที่ครบครันทั้งเรื่องฟังก์ชั่นจัดเลี้ยง ทีมงานมืออาชีพ และอาหารเลิศรสระดับมิชลินสตาร์ ไม่เพียงแค่นั้นยังตั้งอยู่กลางเมืองซึ่งแน่นอนว่าสะดวกเรื่องการเดินทางทั้งส่วนตัวและสาธารณะค่ะ Weddinglist จึงมั่นใจอย่างแน่นอนว่าโรงแรมแห่งนี้จะต้องตอบโจทย์บ่าวสาวที่ต้องการความครบเครื่องอย่างมีระดับ ความลงตัวระหว่างความเรียบง่ายและหรูหราอย่างแน่นอน