หลังจากซีรีส์สุดฮิตชื่อดังอย่าง It’s Okay To Not Be Okay จากช่อง tvN ที่ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ซึ่งเรื่องนี้ได้นักแสดงสาว ซอเยจี (Seo Ye Ji) มารับบทเป็น นักเขียนนิทานเด็ก โกมุนยอง คิมซูฮยอน (Kim Soo Hyun) รับบทเป็น มุนคังแท ผู้ดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช และโอจองเซ (Oh Jung-Se) รับบทเป็น มุนซังแท พี่ชายออทิสติกวีย 37 ปี ที่มีปมทางจิตใจจากบาดแผลในอดีต เรื่องราวภายในเรื่องมักจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับบาดแผลภายในจิตใจของตัวละคร ซึ่งจะแสดงผ่านเรื่องราวของนิทานของโกมุนยองในแต่ละตอน ผูกเรื่องเล่าสลับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของตัวละคร ทำให้พวกเขาและผู้ชมได้เรียนรู้ความเจ็บปวดภายในจิตใจไปพร้อม ๆ กับนิทานที่มีเบิ้องหลังความคิดที่ลึกซึ้ง โดยนิทาน 3 เรื่องที่โกมุนยองเขียน ได้แก่ เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ, เด็กน้อยซอมบี้ และหนุ่มน้อยผู้โตมาด้วยฝันร้าย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ติดตามชมกันได้เลยค่ะ
เด็กชายผู้โตมากับฝันร้าย (The Teenaged Boy Who Grew Up Eating Nightmares)
นิทานเรื่องแรกที่ปรากฎขึ้นในซีรีส์เรื่องนี้ โดยเป็นเรื่องราวบอกเล่าของเด็กชายคนหนึ่งที่ทุกข์ทรมานจากการฝันร้าย จนกลัวการนอนหลับ จนร้องขอให้แม่มดช่วยลบความทรงจำอันเลวร้ายที่เกิดขึ้น แลกกับอะไรก็ได้ที่แม่มดต้องการ เมื่อเด็กชายเติบโตขึ้นเขาก็ไม่ฝันร้ายอีกเลย แต่ความสุขของเขากลับหายไปด้วย จนวันที่แม่มดปรากฏตัวเพื่อเอาวิญญาณเขาไปเป็นการแลกเปลี่ยน ชายหนุ่มร้องถามว่าทำไมเขาถึงไม่มีความสุขแบบนี้ แม่มดจึงตอบเขาว่า “คนที่เก็บความทรงจำอันเลวร้ายทุกข์ทรมานเหล่านี้ไว้ในใจ และยังมีชีวิตต่อไปต่างหากที่จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นและมีความสุขได้ “แต่ถ้าเธอผ่านมันไปไม่ได้ ก็ยังคงเป็นแค่เด็กน้อยที่ไม่รู้จักเติบโต”
เด็กน้อยซอมบี้ (The Zombie Child)
เรื่องราวของเด็กชายที่เกิดมาแตกต่างจากคนอื่น เพราะ ความหิวโหยที่มีอยู่ตลอดเวลา และไม่ได้มีความรู้สึกต่อสิ่งใด เธอจึงต้องการปกปิดความลับนี้จากคนในหมู่บ้าน ด้วยการขังลูกน้อยไว้ที่ห้องใต้ดิน และเธอจะแอบไปขโมยสัตว์เลี้ยงบ้านอื่นมาให้ลูกกินเป็นอาหาร จนอยู่มาวันหนึ่งโรคระบาดในหมู่บ้าน ผู้คนต่างหลีกหนี สัตว์ล้มตาย แม่ที่ไม่สามารถทิ้งลูกไปได้ จึงเริ่มยกแขนขาของตัวเองให้ลูกน้อยกิน จนในที่สุดเหลือเพียงลำตัวของเธอ ท้ายที่สุด เธอโผเข้ากอดลูกน้อยเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อมอบร่างของตัวเองให้ และนั่นเป็นช่วงเวลาแรกที่ลูกน้อยพูดออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิตพร้อมกับกอดแม่ที่เหลือแต่ลำตัวไว้แน่นด้วยแขนทั้งสองข้างว่า “แม่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน” ซึ่งสะท้อนความหมายแฝงที่ว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่ลูกน้อยจากการแม่นั้น คือ ความรักและความอบอุ่น ไม่ใช่อาหาร
เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ (A Spring Day’s Dog)
เรื่องราวผ่านมุมมองของน้องหมาน้อยน่ารักน่าเอ็นดูตัวหนึ่ง ที่มีนิสัยเป็นมิตรกับผู้คน ในตอนกลางวันเจ้าหมาจะเล่นกับคนในหมู่บ้านอย่างร่าเริง สนุกสนาน ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่มันใช้ชีวิตอยู่และถูกล่ามเอาไว้ไปไหนไม่ได้ แต่เมื่อตกดึกแสงจันทร์สาดส่อง ความเศร้าหมองจึงมาเยือน หมาน้อยส่งเสียงร้องไห้ครวญครางในทุกคืนสงัด กับร่างที่ถูกเชือกพันธนาการไว้อย่างไร้อิสระ จนวันหนึ่งหัวใจดวงน้อยกระซิบถามเจ้าหมาในวันใบไม้ผลิว่า “เฮ้ ทำไมนายไม่ปลดเชือกล่ะ” แต่สิ่งที่เจ้าหมาทำได้คือเพียงแค่อยู่ใต้ต้นไม้อย่างนั้น และตอบกลับอย่างเศร้าสร้อยว่า “ฉันโดนผูกมานานมาก นานจนลืมไปแล้วว่าจะปลดมันออกได้ยังไง”
ผจญภัยตามหาใบหน้าที่แท้จริง (Finding the Real Face)
เรื่องราวการผจญภัยของคน 3 คนที่ถูกแม่มดเงาขโมยใบหน้าที่แท้จริงของตนเองไปอาศัยอยู่ด้วยในปราสาทแห่งหนึ่ง พวกเขาออกเดินทางเพื่อตามหน้าใบหน้าของตนเอง จนวันหนึ่งแม่มดได้ปรากฏตัวขึ้นและลักพาตัวหนุ่มน้อยที่สวมหน้ากากกับเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าไป และเอ่ยคำสาปให้พวกเขาไม่มีทางหาใบหน้าแห่งความสุขเจอ หลังจากนั้น ก็นำพวกเขาไปขังไว้ในโพรงตุ่น วันหนึ่งคุณลุงกล่องหาโพรงนั้นเจอ แต่โพรงมีขนาดแคบมากเขาจะต้องถอดกล่องออกจึงจะสามารถเข้าไปได้ เขาได้รวบรวมความกล้าถอดกล่องออก เพื่อช่วยหนุ่มน้อยสวมกน้ากากกับเจ้าหญิงกระป๋องเปล่า เมื่อทั้งสองออกมาด้านนอกโพรงที่สว่างจ้าเห็นใบหน้าเปรอะเปื้อนของคุณลุงที่ถอดกล่องทิ้งไปแล้วพวกเขาก็หัวเราะ จนหน้ากากของหนุ่มน้อยสวมหน้ากากร่วงลงบนพื้น กระป๋องเปล่าที่เจ้าหญิงกระป๋องเข้าไปอยู่ก็ร่วงหล่นลงไป “แท้จริงแล้วสิ่งที่แม่มดเงาขโมยไปจากพวกเขาไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาแต่เป็นความกล้าที่จะตามหาความสุขต่างหาก”