ถ้าพูดถึงเรื่องการแต่งงานที่ “โรมแรมเซนจูรี่ พาร์ค” (Century Park Hotel Bangkok) หลายคนก็คิดถึงความโรแมนติกย่านใจกลางเมือง ความสะดวกสบายด้านการเดินทาง อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีอนุเสาวรีย์ชัย, Airport Link สถานีราชปรารภ และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การดูแลลูกค้าที่แสนจะอบอุ่น และยืนหนึ่งด้านการบริการที่ครบครัน และในวันนี้ Weddinglist จะพาทุกท่านไปพบกับค่ำคืนที่ความรักส่องประกายระยิบระยับในงานแต่งงานของคุณจ๊ะเอ๋กับคุณโค้กที่จัดขึ้น ณ โรงแรมแห่งนี้ บรรยากาศจะเป็นอย่างไรกันบ้างเชิญรับชมกันได้เลยค่ะ
การเตรียมตัวของว่าที่เจ้าสาวที่มีผู้ช่วยคือ ‘อินเทอร์เน็ต’
การจัดงานแต่งงานครั้งหนึ่งนั้นมีเรื่องยุ่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องจัดการมากมายจนชวนหัวหมุนไปหมดเลยใช่มั้ยล่ะคะ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากอะไรก่อน คุณจ๊ะเอ๋และคุณโค้กก็เป็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวในยุคดิจิตอล การหาข้อมูลจึงไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งคู่จึงเริ่มจากใช้อินเทอร์เน็ตหาข้อมูลก่อนจะมาย่อยเรียงลำดับความสำคัญในการเตรียมตัว ซึ่งข้อมูลและรีวิวต่าง ๆ ก็ช่วยได้มากเลยค่ะ
“ก็หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก่อนเลยค่ะ ว่าขั้นตอนการเตรียมงานแต่งงานจะต้องทำอะไรบ้าง เพราะแม้ว่าจะไปงานแต่งงานของเพื่อน ๆ มาบ้าง แต่ก็รู้ว่ารายละเอียดมันยิบย่อยมาก ก็ได้ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ตนี่แหละค่ะ ที่ช่วยเรียงลำดับขั้นตอนการเตรียมงานแต่งงาน ทำให้พอจะเห็นภาพรวมคร่าว ๆ ได้ว่าต้องเริ่มจากอะไร”
ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยห้องโอ่โถง เพดานสูง มีที่จอดรถเพียงพอ เดินทางสะดวก และบริการครบครัน
“ตอนแรกเลือกดูโรงแรมที่ใกล้บ้าน เดินทางผ่านบ่อยก่อน เพราะรู้สึกว่าคุ้นเคย แล้วก็ไปคุยรายละเอียดแพ็คเกจของทางโรงแรม แล้วตัดสินใจมัดจำเลย โดยที่ยังไม่ได้พาคุณพ่อแม่มาดู ด้วยความที่กลัวว่าวันที่เราจองจะมีคนมาจองซ้อนกัน และปรากฎว่าพอมาบอกกับคุณพ่อคุณแม่ ให้ท่านดูรูปสถานที่ แล้วท่านไม่ชอบที่เพดานมันดูไม่สูง ไม่โอ่โถง ซึ่งก็ยอมรับว่าเราตัดสินใจเร็วเกินไปมาก ๆ ก็เลยคิดใหม่ เริ่มต้นใหม่ นั่งหาโรงแรมในอินเทอร์เน็ตดูว่ามีโรงแรมที่ไหนบ้างที่รองรับจำนวนแขกของเราได้
โดยเราปักธงในใจแล้วว่าห้องจัดเลี้ยงจะต้องกว้าง เพดานสูง ไม่มีเสากลางห้อง ห้องค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ดูไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนแขก เพื่อให้บรรยากาศดูอบอุ่น สถานที่ตั้งก็ต้องอยู่ในกรุงเทพฯ แขกสามารถเดินทางมาได้สะดวก มีที่จอดรถเพียงพอ มีห้องพักให้พักให้ญาติและเพื่อนๆ ทั้งในโรงแรม และบริเวณใกล้ๆ กับโรงแรม เนื่องจากแขกมีส่วนหนึ่งที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด
จากนั้นแล้วเราก็นั่งไล่ดูโรงแรมในกรุงเทพฯ ตามเว็บไซต์ต่างๆ เลยค่ะ รวมทั้งรีวิวจากคนที่เคยจัดงานแล้วด้วย สุดท้ายก็มาถูกใจ “โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค” คือถูกใจตั้งแต่เห็นรูปภาพในอินเตอร์เน็ตแล้ว เพราะห้องจัดเลี้ยงตรงกับภาพในหัวที่เราคิดไว้มากๆ แล้วยิ่งพอดูรายละเอียดลึกลงไปทั้งสถานที่ตั้ง สถานที่ต่างๆ บริเวณใกล้เคียงกับโรงแรม จำนวนแขกที่รองรับได้ การตกแต่งภายในงาน คือตรงใจเรามากๆ ก็เลยมุ่งหน้าไปที่โรงแรมนี้เลยค่ะ และเมื่อนัดทางโทรศัพท์กับ sale โรงแรม ก็ไปดูสถานที่จริงเลย ทาง sale โรงแรม ก็ดูแลดีมาก ยิ่งทำให้ประทับใจมากไปขึ้นอีก ตอนนั้นก็เลยปักธงแล้วว่าที่นี่เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งแล้ว จากนั้นก็พาคุณพ่อคุณแม่มาดู พอท่านเห็นด้วยก็วางมัดจำเลือกที่นี่แน่นอนค่ะ”
นี่คือเสียงตอบรับจากผู้ที่ตัดสินใจเลือก “โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค (Century Park Hotel Bangkok)” ให้เป็นสถานที่สำคัญในวันพิเศษ ณ โรงแรมแห่งนี้สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคู่บ่าวสาว ด้วยทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวก มีที่จอดรถเพียงพอ บริการแบบ one stop service โรงแรมพร้อมดูแลทั้งเรื่องพิธีการและการตกแต่งให้ด้วยความใส่ใจจากทีมงานมืออาชีพ เพียงแค่หิ้วชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาทางทีมงานก็พร้อมเนรมิตทุกอย่างให้ได้ดั่งใจ ให้ทุกท่านได้ใช้ช่วงเวลาพิเศษกับคนพิเศษไม่ต้องมีเรื่องกังวลใจค่ะ
Starry Night กับความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ณ วันนั้นคุณจ๊ะเอ๋และคุณโค้กอยากถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ร่วมเดินทางกันมายาวนานเกือบ 9 ปี และสิ่งที่จะบอกเล่าเรื่องราวของคนทั้งคู่ได้ดีที่สุดนั่นก็คือดวงดาวบนท้องฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเองค่ะ โดยทางโรงแรมก็ช่วยตกแต่งสถานที่ในธีมที่ให้ความรักส่องประกายเพื่อสร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้แขกที่มาร่วมงาน
“ธีมงานแต่งของเราคือ starry night ค่ะ ออกฟ้า คราม น้ำเงินๆ แซมทองให้มีวิบวับแทนดวงดาวค่ะ โดยแรงบันดาลใจมาจากจำนวนปีที่คบกันเป็นแฟนค่ะ ณ ตอนนี้คือเป็นแฟนกันมา 8 เกือบ 9 ปี เลยมองสัญลักษณ์ infinity ที่มีความหมายว่าไม่มีที่สิ้นสุด แล้วก็มานั่งคิดว่าอะไรสามารถสื่อแทนความหมายของ infinity ได้บ้าง เลยนึกถึงแนวท้องฟ้าจักรวาลที่เป็นอินฟินิตี้ เปรียบเสมือนการเดินทางความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด ก็ได้คอนเซ็ปต์มาเป็น starry night ค่ะ”
บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองแบบอินฟินิตี้ ณ ห้อง Grand Ballroom
คุณจ๊ะเอ๋กับคุณโค้กตั้งใจให้บรรยากาศในวันงานอบอุ่นเป็นกันเอง มีพื้นที่ให้แขกได้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ ทั้งเดินเล่น ถ่ายรูป และมีการจัดวางโต๊ะกับเก้าอี้ไว้สำหรับแขกผู้ใหญ่ ทีมงานก็จัดเตรียมทุกอย่างได้อย่างที่คิดไว้ เมื่อรวมกับห้อง Grand Ballroom ที่โอ่โถง เพดานสูง ไม่มีเสามาบดบังวิสัยทัศน์ และพอดีกับจำนวนแขก บรรยากาศในวันนั้นเราจะได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังเคล้ามากับเสียงดนตรีในงานแต่งงาน ยิ่งทำให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองแบบอินฟิตี้อย่างที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจินตนาการไว้
“บรรยากาศในงานดีมากๆ ค่ะ ทั้งแสงไฟ การตกแต่ง ดูอบอุ่นเป็นกันเอง เหมือนที่คิดไว้เลย ชอบมากๆ และก็ด้วยเหตุผลว่าอยากให้งานออกมาอบอุ่นเป็นกันเอง ก็เลยเลือกจัดเป็นแบบค็อกเทลค่ะ ที่จะทำให้ทุกคนสามารถเดินไปไหนมาไหนได้รอบงานอยากถ่ายรูปกับเพื่อนมุมไหนก็ได้ ดูเป็นอิสระ ซึ่งทางโรงแรมจัดหาเก้าอี้มาวางไว้โดยรอบห้องให้ด้วยค่ะ ไว้เผื่อแขกผู้ใหญ่ที่อาจจะยืนนานไม่สะดวก แต่ทั้งนี้แม้จะเลือกจัดเป็นแบบค็อกเทล แต่ก็ยังมีโต๊ะกลม VIP ให้แขกผู้ใหญ่ด้วยค่ะ ซึ่งแม้จะมีโต๊ะกลมใหญ่ถึง5โต๊ะก็ไม่ทำให้บรรยากาศในห้องดูอึดอัดจนเกินไป”
ช่วงเวลาแห่งความสุขแบบ Eternity ด้วยบริการและทีมงานมืออาชีพ
การได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนสนิทและญาติๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดี ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่คุณจ๊ะเอ๋และคุณโค้กประทับใจ และยิ่งในวันงานได้รับการบริการที่ดูแลด้วยความใส่ใจจากทั้ง Wedding Planner และพนักงานทุกคนของโรงแรมเซ็
“ตอนเปิดตัวบ่าวสาวทั้งตื่นเต้นและประทับใจเลยนะคะ ตอนแรกก่อนจะเดินก็ตื่นเต้น เพราะรู้ว่าทุกสายตาต้องจับจ้องมาที่เราทั้งสองคนแน่ๆ แต่พอประตูเปิด จับมือก้าวเดินออกไป มันให้ความรู้สึกที่โรแมนติกประทับใจมากค่ะ ทั้งเสียงเพลง บรรยากาศในงาน รับรู้ได้ว่าทุกคนมายินดีกับเราทั้งคู่ โดยรอบข้างของเราเป็นคนที่เรารู้จักหมดเลย รู้สึกอบอุ่น ส่วนตัวแล้วก็ประทับใจทุกๆ อย่างในงาน ทุกๆ โมเม้นต์ที่เกิดขึ้นในวันนั้
After Party กับความสนุกแบบจัดเต็ม ณ ห้อง Sapphire
ในงาน After Party คุณจ๊ะเอ๋และคุณโค้กย้ายเข้าไปอยู่ในห้อง “Sapphire” ซึ่งเป็นห้องที่มีฟังก์ชั่นครบครันไม่ต่างจากห้อง Grand Ballroom เลยค่ะ แค่มีขนาดเล็กกว่า เพราะจำนวนแขกน้อยลง เหลือแต่เพียงเพื่อนสนิท ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจึงอยากให้ย้ายมาจัดปาร์ตี้กันที่ห้องนี้เพื่อความอบอุ่น และสนุกกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการย้ายห้องนั้นก็ไม่มีปัญหาเลย เพราะสถานที่อยู่ใกล้กันมาก ทีมงานก็เตรียมซับพอร์ตอย่างดี After Party ครั้งนี้จึงดำเนินไปได้อย่างไม่มีสะดุด
“งาน After Party จะแยกออกมาจัดอีกห้องนึงค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องจัดเลี้ยงเลย ซึ่งเป็นห้องที่เล็กกว่า เพราะอยากให้ทุกคนใกล้ชิดกัน เพื่อให้บรรยากาศออกมาสนุกสนาน แสงสีเสียงก็เป็นการดูแลร่วมกันระหว่างทางโรงแรม และวงดนตรี Puppada ซึ่งโดยรวมออกมาดีมาก ตอนย้ายห้องไม่ตะกุกตะกักเลยค่ะ เพราะเพื่อน ๆ รู้ว่าจัดห้องไหน พองานพิธีเสร็จเรียบร้อย ทุกคนถ่ายรูปกับเราทั้งคู่หน้า Backdrop ทุกคนก็พร้อมใจไปรอที่ห้องนั้นเลย ซึ่งเราก็ให้ดนตรีเริ่มเล่นเลย เพื่อให้เพื่อนไม่คอยนาน เราทั้งคู่ก็ยังดูแลแขกที่ห้องจัดเลี้ยงก่อนจนได้เวลาเหมาะสม เราทั้งคู่ก็ค่อยไปเปลี่ยนชุดแล้วก็รีบลงมาเจอเพื่อน ๆ ในห้องปาร์ตี้ค่ะ ซึ่งทุกคนรออยู่ในนั้นพร้อมแล้ว จบงานเพื่อนๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกมาก ๆ ดีใจมากค่ะ
ทำให้งานวันนั้นทั้งวันทุกอย่างออกมาเพอร์เฟ็กต์ตรงตามใจเราทั้งคู่ทุกอย่างเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ “
ถ้าให้แนะนำว่าที่คู่บ่าวสาวมาแต่งงานที่นี่จะแนะนำให้ทำอะไรบ้างเอ่ย
“ในส่วนของงานฉลองมงคลสมรส สิ่งที่โรงแรมมีให้ แทบจะครบทุกอย่างแบบ one stop service เลยนะคะทั้ง backdrop, พรมหน้า backdrop,โต๊ะลงทะเบียน, gallery หน้างาน, ดอกไม้หน้างาน, dry ice, bubble ตอนตัดเค้ก, ของตกแต่งทั้งบนเวที ด้านล่างเวที มีครบทุกอย่างจริงๆ เรียกได้ว่าครบวงจรมากๆ มาแต่ตัวได้เลย
และถ้าหากใครมีแบบ Backdrop และโต๊ะลงทะเบียนในใจที่
ในส่วนของงานหมั้น ในแพ็คเกจงานหมั้นก็มีอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีหมั้นค่อนข้างจะครบถ้วน เช่น ตั่งรดน้ำสังข์ หอยสังข์ มาลัยบ่าวสาวสิ่งที่ต้องเตรียมก็มีแค่ขันหมากต่างๆ และนายพิธีในการรันคิวงานช่วงเช้า สำหรับการนิมนต์พระสงฆ์ และอาหารใส่บาตรพระสงฆ์ หากเราไม่รู้จะติดต่อที่ไหน ทางโรงแรมก็สามารถติดต่อให้ได้ ส่วนอาหารถวายพระจะอยู่ในแพ็คเกจอยู่แล้วค่ะ”
เครดิตต่างๆ
ช่างภาพ : Victoria Wedding และ Nararika Studio
ช่างแต่งหน้า : Nararika Studio
Backdrop และโต๊ะลงทะเบียน : Seethrough Wedding
ออแกไนซ์รันคิวงานตอนเย็น : Victoria Wedding