Canva Woman in Gray Sweater Using Laptop Beside Glass Window

สุขภาพจิตก็สำคัญ เมื่อต้องอยู่กับ COVID-19 เราจะอยู่กับภาวะจิตตกได้อย่างไร

Highlight

การเสพข่าวบน Social Media มากเกินไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
ทำไมต้องป้องกันปัญหาด้วยการทำ Social Distancing บน Social Media
ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวให้มาก ๆ คือกำลังใจที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้

“อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อต้านโควิด-19” ทำให้ผู้คนต้องงดการออกจากบ้าน และปรับกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ให้เข้ากับการที่ต้องอยู่บ้าน เช่น ทำงานที่บ้าน (Work from home) ขายของออนไลน์ ออกกำลังกาย ดูหนังฟังเพลง สั่งอาหารแบบดิลิเวอรี่ รวมไปถึงการติดต่อสื่อสารกับผู้คนและการติดตามข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถทำได้เพียงการแชท โทรคุย หรือวีดิโอคอล ประเด็นนี้แหละที่ Weddinglist อยากจะบอกว่ามันมีผลกระทบที่สำคัญพอ ๆ กับการป้องกันโรคจากโควิด-19 เลยทีเดียว

รู้สึกอย่างไรกับสภาวะ Lock Down เมื่ออยู่แต่ในบ้านจนไม่รู้จะทำอะไร

ช่วงเวลาที่ต้องอยู่บ้าน พอว่างจนไม่มีอะไรให้ทำมันก็จะรู้สึกฟุ้งซ่านใช่ไหมครับ พอเรารู้สึกฟุ้งซ่านแล้วจะชอบทำอะไรต่อ มาดูเช็กลิสต์ต่อไปนี้กันว่าเราชอบทำแบบนี้กันบ้างหรือไม่

เลื่อนฟีดดูข่าวสารวันนี้บน LINE, Facebook, Twitter หรือ Instagram
โทรคุยหรือทักแชทหาครอบครัว เพื่อน แฟน หรือคนรอบข้าง เพื่อไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ อัปเดตข่าวสาร หรือร่ำระบายความอึดอัดที่ไปไหนทำอะไรไม่ได้
แชร์ข่าว หรือโพสต์แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

ถามว่าถ้าทำแบบนี้ทุกวัน แล้วจะส่งผลกระทบรอบด้านได้ขนาดไหน

โลกโซเชียลยามโดดเดี่ยว ทำร้ายคุณมากกว่าที่คิด

แค่ตื่นมาเลื่อนฟีดข่าวแล้วเจอเรื่องที่ทำให้เราวิตกกังวลจนตื่นตูม เช่น พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แถวบ้าน มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทุกวัน หรือประกาศจากรัฐบาลที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน อย่างแรกที่เรารู้สึกทันทีคือ อยากหาที่ระบายบนโซเชียลมีเดียเพราะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ เช่น โพสต์สเตตัส ทักแชทหาคนที่เราอยากระบายด้วยจนเราไม่รู้ตัวเลยว่า ในแต่ละวันเราทำแบบนี้ไปบ่อยและถี่ขนาดไหน

สถานการณ์รายวันที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น เมื่อเราติดตามข่าวสารทุกวันเข้า กลายเป็นว่าความเครียดถูกสะสมมาก ๆ เข้าจนเกิดหลายอาการทางจิตที่ทำร้ายตัวเองและคู่สนทนาโดยไม่รู้ตัว เช่น ย้ำคิดย้ำทำ, ฟุ้งซ่าน, หวาดระแวง, โมโหง่าย, เครียดง่าย, เซื่องซึม, ร้องไห้บ่อย ฯลฯ จนเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ระหว่างใจกับปอด อะไรจะพังก่อนกัน”

แล้วถ้ายังปล่อยให้อาการเหล่านี้อยู่กับคุณจนควบคุมไม่ได้ ก็อาจนำไปสู่พฤติกรรมรุนแรงโดยไม่รู้ตัว เช่น ทำลายข้าวของ, ทำร้ายร่างกาย, ชกต่อยทะเลาะวิวาท, ฆ่าตัวตาย หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมที่ผิดปกติอย่าง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่จัด หรือกินเยอะ ก็เป็นผลมาจากความเครียดเหล่านี้ได้เหมือนกัน

ห่ า ง กั น สั ก พั ก – – – 2 เมตร – – – แ ต่ รั ก เ ห มื อ น เ ดิ ม
แก้ปัญหาสุขภาพจิตด้วย Social Distancing ที่ต้องทำบนโลกเสมือนจริงด้วย

ปัญหาดังกล่าวจะพบในความสัมพันธ์ที่ต้องการความคาดหวังเป็นส่วนใหญ่ เช่น เพื่อน คนคุย คนรัก แฟน ด้วยความที่เรายังไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ที่สะสมมาต้องขาดช่วงเพราะไม่มีโอกาสได้เจอกัน เจตนาที่หวังดีอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราได้ ถ้าขาดการยับยั้งชั่งใจและควบคุมระยะห่างของความสัมพันธ์ได้ไม่ดี จากที่คุยกันดี ๆ มาตลอด อาจพลิกเป็นทะเลาะกัน หรือพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยจนอาจเสียคน ๆ นั้นไปจากชีวิตเลยก็ได้

Social Distancing หรือระยะห่างทางสังคม นอกจากจะต้องใช้ป้องกันโควิด-19 บนโลกจริงแล้ว คนที่มีภาวะเสี่ยงจากอาการจิตตกเหล่านี้ควรนำมาปรับใช้บนโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน มาดูกันครับว่า Social Distancing on Social Media จะทำได้อย่างไรบ้าง

Unfollow บุคคลที่เราไม่อยากจะสูญเสียความสัมพันธ์ไปก่อนชั่วคราว เช่น เพื่อนสนิท ครอบครัว คนรัก เพื่อสกัดไม่ให้เราเห็นฟีดความเคลื่อนไหวของเขาแล้วอดใจไม่ได้ที่จะต้องไปแสดงตัวตน เช่น กด Reaction หรือคอมเมนต์ใต้โพสต์จนมากเกินความพอดี จนกว่าเราจะเห็นว่า ตัวเราพร้อมที่จะจัดการกับภาวะเหล่านี้ให้อยู่ในระดับที่พอดี ค่อยกลับมา Follow เหมือนเดิมก็ได้

Unfollow บุคคลที่เป็น Toxic People คือ เอาแต่โพสต์ข่าว เนื้อหา หรือเข้ามาแสดงความคิดเห็นที่เป็นภัยคุกคาม ล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือก่อให้เกิดความรำคาญ ความเครียด มากกว่าความสบายใจ ถ้าสถานการณ์กลับสู่ปกติแล้ว แต่คน ๆ นั้นยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดคือ Unfriend เป็นการเตือนไปเลยว่า ถ้ายังไม่เลิกอีกก็คงต้อง Unfriend บนโลกจริงด้วยเช่นกัน

ถ้าวันไหนรู้สึกไม่โอเคกับตัวเอง ลองไม่ต้องเปิดดูแชทหรือฟีดข่าวบนโซเชียลมีเดียใด ๆ สักวันก็ได้ ถือซะว่าเป็นการลาพักร้อนจากโลกโซเชียลก็แล้วกัน

เสร็จแล้วกลับมาอยู่บนโลกจริง

พอเราสลัดตัวออกจากภาวะจิตตกบนโลกแห่งข้อมูลข่าวสารบนโซเชียลได้แล้ว เราจะค้นพบสัจธรรมเมื่อตื่นขึ้นมาทันใดในยามเช้าว่า “มีอะไรที่ต้องทำเยอะเลยว่ะ” เพราะแค่ลุกขึ้นมาจากเตียงก็ต้องพับผ้าห่ม เก็บที่นอน ชงกาแฟ จากนั้นก็ออกไปจ่ายตลาด กลับมาก็ต้องรดน้ำต้นไม้ ทำกับข้าว ทานข้าวเช้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า อาบน้ำ ทำงาน Work from home ทานข้าวเที่ยง กลับมาทำงานต่อ เย็น ๆ ก็ออกกำลังกายแล้วกลับมาทานข้าวเย็น ดูข่าว ดู Netflix ตีป้อม แล้วก็นอน สิ่งที่อยากจะบอกทุกคนที่กำลังเจอสภาวะว่างเปล่าแบบนี้คือ ในหนึ่งวันอย่าปล่อยให้ชีวิตบนโลกจริงต้องว่าง ลุกขึ้นมาทำอะไรที่ได้ขยับร่างกายจะช่วยไม่ให้ฟุ้งซ่านได้มาก ดังนั้นถ้าใครบอกว่าอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ ให้ลองทำแบบนี้ดู แล้วชีวิตในบ้านจะโล่งขึ้นเป็นอย่างมาก

ยิ่งอยู่บ้านแล้วได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ขอให้รู้ไว้ว่าคุณโชคดีมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะกำลังใจที่ดีที่สุดในวิกฤตแบบนี้จะอยู่ข้างคุณตลอดเวลา โดยที่ไม่ต้องไปหากำลังใจจากบนโซเชียลเลยครับ

โควิด-19 เราป้องกันได้ ด้วยหน้ากากและแผ่นกรองอนามัยที่ได้มาตรฐาน

ผ้ามัสลิน เป็นผ้าที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันฝอยละอองของสารเหลว สารคัดหลั่งต่าง ๆ จากร่างกายได้มากที่สุดและมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์

Ok Mask “หน้ากากผ้ามัสลิน” หน้ากากผ้าคุณภาพมาตรฐานทางการแพทย์ รูปทรงกระชับรับกับทุกใบหน้า ป้องกันละอองฝอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19)

หน้ากากผ้าเย็บ 4 ชั้น พร้อมช่องใส่แผ่นกรองอนามัย