1111 01

Work from home อย่างไร ให้ค่าไฟไม่พุ่งกระฉูด!! ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19)


ประหยัดไฟช่วง Work from home ยังไงดี? ช่วงนี้นอกจากจะ Work from Home หนีเจ้าโควิดตัวร้ายแล้ว ช่วงนี้ยังตรงกับหน้าร้อน เป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงปร๊ด แสงแดดแผดจ้า ไอระอุจากพื้นดินมาเต็มที่สุดในรอบปี ดังนั้นหลายบ้านคงกระหย่ำเปิดแอร์เพื่อดับความร้อนของอากาศช่วงปลายมีนาต่อเดือนเมษาแบบนี้ แน่นอนว่ายิ่งช่วงนี้ทำงานที่บ้าน บวกกับตรงกับหน้าซัมเมอร์แบบนี้ค่าไฟต้องพุ่งกระฉูดแน่นอน แอดมินเองก็ทำงานที่บ้านเหมือนกัน วันนี้เลยขอมาแชร์วิธีประหยัดคค่าไฟในช่วง Work from Home

เปิดพัดลมพร้อมแอร์ ประหยัดไฟขึ้น

1.เปิดเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส 

ควรเปิดเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปก็ จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น เพราะ ถ้าปรับอุณหภูมิให้ต่ำจนเกินไป เพราะ จะทำให้เราเปลืองค่าไฟมากขึ้น เนื่องจาก แอร์ต้องทำงานหนักมากจากอุณหภูมินอกบ้านที่สูงกว่ากับอุณหภูมิในบ้านนั่นเองค่ะ

เปิดพัดลมพร้อมแอร์

2. เปิดพัดลม พร้อมกับแอร์ 

กรณีที่เปิดเครื่องปรับอากาศ สามารถประหยัดค่าไฟแต่ยังอยากได้อากาศเย็นสบายเหมือนอยู่ในห้องแอร์ โดยแนะนำให้เปิดแอร์ที่อุณหภูมิประมาณ 27–30 องศา พร้อมกับเปิดพัดลมเป่าไปด้วยค่ะ วิธีนี้จะช่วยประหยัดค่าไฟ เพราะ ไม่ต้องลดองศาแอร์ลงมาต่ำๆ แถมยังรู้สึกเย็นสบายเหมือนเดิมแน่นอน

TescoLotus Fan8

3.ช่วงที่ไม่ร้อนมากควรเปิดพัดลม เปิดหน้าต่าง รับลมธรรมชาติ 

ในช่วงเวลาที่อากาศไม่ร้อนมากนัก เราสามารถเปิดพัดลม เปิดหน้าต่าง รับอากาศจากภายนอกเข้ามา คลายความร้อน แทนการเปิดเครื่องปรับอากาศได้ค่ะ เพราะ การเปิดพัดลมนั้นนอกจากจะทำให้เราเย็นสบายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถประหยัดค่าไฟให้เราอีกด้วยค่ะ

c608d945c264f41d087baceff7fdc748

4.ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แทนหลอดไฟประเภทอื่น

เนื่องจาก หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์กินไฟเฉลี่ยเพียง 25% หรือกินไฟน้อยกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับหลอดไส้ธรรมดา ทั้งที่ให้แสงสว่างที่เท่ากัน มีอายุการใช้งานนานกว่าหลอดไส้ถึง 8 เท่าหรือประมาณ 8,000 ชั่วโมง และนอกจากนั้นหลอดประเภทนี้จะมีความร้อนออกมาน้อย จึงช่วยลดภาระของเครื่องปรับอากาศภายในบ้านของเราได้ และแถมยังช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วยค่ะ

90fceb21d791afa38c0b388192c265ae

5.ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน 

นั่งทำงานจุดเดียว แต่จะเปิดไฟทั้งบ้านไม่ได้! ก่อนนั่งลงทำงานอย่าลืมเช็คด้วยนะคะ ว่าเราปิดไฟดวงที่ไม่ใช้งานแล้วหรือยัง ซึ่งหากเป็นตอนกลางวันแนะนำให้นั่งทำงานในบริเวณที่มีแสงเข้า จะได้ไม่ต้องเปิดไฟ เพียงแค่นี้ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้เยอะแล้วค่ะ

8b09107ffb3bcb54836af3a14877393b

6.จัดระเบียบตู้เย็น 

ควรจัดระเบียบตู้เย็นให้เป็นระเบียบ เพราะ การที่มีของอัดแน่นอยู่ในตู้เย็นมากๆ จะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เพื่อให้อุณภูมิภายในทั่วถึงกับสิ่งของที่อยู่ภายในตู้เย็น ไม่ควรเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยๆ เพราะ จะทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้น ควรเลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะสมกับขนาดครอบครัว นอกจากนี้ ควรตั้งตู้เย็นไว้ห่างจากผนังบ้าน 15 ซม. และควรละลายน้ำแข็งในตู้เย็นสม่ำเสมอ การปล่อยให้น้ำแข็งจับหนาจนเกินไปจะทำให้เครื่อง ต้องทำงานหนัก ทำให้กินไฟมากค่ะ

9757a224054d296efbc895fc021e9fcd

7. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกให้หมด 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมปิดไฟที่ไม่ใช้ก็แล้ว ค่าไฟไม่เห็นลดลงเลย? บางที แม้จะปิดสวิตช์ไฟแล้ว แต่ถ้าไม่ถอดปลั๊กออกก็กินไฟได้เหมือนกัน เนื่องจาก กระแสไฟฟ้ายังคงไหลเข้าสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ ดังนั้น เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ แล้ว ก็ควรจะปิดสวิตช์และถอดปลั๊กออกทุกครั้ง เพื่อไม่ให้กระแสไฟไหลเข้าไปโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นกระทะไฟฟ้า ไมโครเวฟ หรือหม้อหุงข้าว หลังใช้งานเสร็จแล้ว เพราะ อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟค่อนข้างสูงค่ะ

เทคนิคดังที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้ เป็นการช่วยลดค่าไฟฟ้าในช่วง Work from home ที่สามารถทำได้ไม่ยาก โดยเทคนิคเหล่านี้สามารถปฏิบัติตามได้ตลอดเวลา ไม่เพียงเฉพาะช่วง Work from home เท่านั้น นอกจากจะสามารถเซฟค่าไฟแล้ว ยังสามารถเซฟพลังงาน และเซฟโลกได้อีกด้วยค่ะ สำหรับใครที่กำลังกังวลกับค่าไฟในช่วงนี้ ลองปฏิบัติตามวิธีประหยัดไฟที่เราแนะนำดังข้างต้นกันได้เลยค่ะ

Ads 01 1 1