วันนี้ พี่หมี Weddinglist จะขอพาทุกท่านไปพบกับ อมตะตำนานรักนิรันดร์ในฝั่งตะวันออกของโลกกัน แล้วตำนานรักในครั้งนี้ก็คือ ตำนานของ เจ้าชายซาลิม และ อนารกะลี พี่หมีเชื่อว่าเมื่อทุกท่านอ่านจบ อาจจะอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เรื่องราวความรักระหว่างเจ้าชายกับสาวใช้ผู้ต่ำต้อย ที่จะมาเรียกน้ำตา…พร้อมคำถามที่ว่าชีวิตคนคนหนึ่งจะยอมทำเพื่อคนที่ตัวเองรักได้มากขนาดนี้เลยเหรอ
เจ้าชายซาลิม และ อนารกะลี เป็นตำนานรักของลาฮอร์ ปัญจาบ ปัจจุบันคือประเทศปากีสถาน เจ้าชายซาลิม เป็นพระราชโอรสของ อักบาร์ข่าน หรือ พระเจ้าอักบาร์ มหาราช แห่งราชวงศ์ โมกุล มุสลิม
ในวัยเยาว์ เจ้าชายซาลิม เป็น เด็กหยาบกระด้าง ก้าวร้าว หัวรุนแรง พระเจ้าอักบาร์ เห็นเจ้าชายเป็นดังนี้ จึงส่งเข้าไปฝึกวินัยในกองทัพทหารของพระองค์ เวลาล่วงเลยมากว่า 14 ปี เจ้าชายซาลิมถูกเรียกตัวกลับมาที่พระราชวัง พร้อมจัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ
พระเจ้าอักบาร์ มหาราช Akbar The Great
ภายในงานเลี้ยงช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์ยินดี ปรีดา พระเจ้าอักบาร์มีความสุขที่ได้เห็นหน้า พูดคุย และ ได้รับรู้ว่าเจ้าชายได้เติบโตพร้อมจะเป็นว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไป แล้วช่วงเวลาสำคัญก็มาถึง การแสดงของนางระบำจากฮาเล็มของพระเจ้าอักบาร์ (พระองค์มีมเหสี และ นางในฮาเล็ม กว่า 4,000 คน) ทว่า หนึ่งในนางระบำเหล่านั้น มีเพียงหนึ่งนางที่ดึงดูดสายตาจากชายทั่วทั้งท้องพระโรง นางผู้มีนามว่า อนารกะลี ซึ่งในภาษาอาหรับแปลว่า ทับทิมเบ่งบาน (ชื่อเดิม นาดิร่า) เพียงแรกพบเจ้าชายซาลิมก็ตกหลุมรัก อนารกะลีทันที เจ้าชายพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้นาง ในตอนแรกอนารกะลีพยายามปฏิเสธเจ้าชายซาลิม เพราะความต่างชั้นศักดินา ตัวนางเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อยในฮาเล็มของพระราชา ไฉนเลยจะคู่ควรกับเจ้าชาย
“น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน”
นานวันเข้า ใจของอนารกะลีก็หวั่นไหว ทั้งสองแอบนัดพบเจอกันอย่างลับ ๆ ไม่ให้ พระเจ้าอักบาร์รู้ แต่! โลกไม่เคยมีความลับ… ในที่สุดพระเจ้าอักบาร์ก็รู้ พระองค์ทรงสั่งห้ามไม่ให้ทั้งสองพบกันโดยเด็ดขาด ด้วยบาดแผลในใจของพระองค์ที่เคยรักกับนางสามัญชน แต่ เจ้าชายซาลิมไม่ยอมทำตาม พระเจ้าอักบาร์จึงสั่งให้ทหารนำตัวอนารกะลีไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน
เพราะความรักที่มีต่อนาง เจ้าชายซาลิมขัดคำสั่งพระเจ้าอักบาร์ พระองค์ได้ร่วมมือกับพระสหายลักลอบเข้าไปช่วย อนารกะลีออกมาจากคุกใต้ดิน แล้วพาไปซ่อนตัวไว้ ณ ที่ห่างไกล แต่เจ้าชายซาลิมรู้ดีว่า ไม่ช้าไม่เร็ว พระเจ้าอักบาร์ จะต้องส่งคนตามหา อนารกะลีจนพบ ไม่มีที่ใดในอินเดียที่อำนาจของพระเจ้าอักบาร์แผ่ไปไม่ถึง โทษทัณฑ์ของอนารกะลีจะเลวร้ายยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
เจ้าชายซาลิมรวบรวมทหารผู้ภักดี ก่อกบฏยกทัพเข้าตีเมืองของพระเจ้าอักบาร์ ทว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ กองทัพของเจ้าชายซาลิมแตกพ่าย เจ้าชายซาลิมถูกจับตัว พระเจ้าอักบาร์ทรงพิโรธมากที่ถูกพระราชโอรสแท้ ๆ ก่อกบฏ แต่กระนั้นพระองค์ก็เหลือเจ้าชายซาลิมเพียงคนเดียว เรื่องทั้งหมดล้วนเกิดจาก ความหลงใหล จนโงหัวไม่ขึ้นในตัวนางระบำของพระองค์ นางทาส อนารกะลี พระเจ้าอักบาร์ยื่นคำขาดให้เจ้าชายเลือกระหว่าง จะส่งตัวอนารกะลีมาให้พระองค์ หรือ…..ต้องโทษประหาร ซึ่งเจ้าชายซาลิมได้ตอบได้โดยไม่ต้องคิด
“อยู่โดยไร้ซึ่งหัวใจ จะต่างอะไรกับตายทั้งเป็น”
พระเจ้าอักบาร์สั่งให้ทหารนำตัวเจ้าชายไปขังคุกใต้ดินที่เดียวกับที่อนารกะลีเคยถูกขัง รอวันพิพากษาประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณะชนในฐานะกบฏ ข่าวการพ่ายแพ้ของกบฏ และ การประหารเจ้าชายซาลิมดังไกลไปทั่วทั้งอินเดีย อนารกะลีรู้สึกผิดจับใจที่นางเป็นต้นเหตุให้พ่อลูกต้องเข้าห้ำหั่นกัน ซ้ำชายผู้เป็นเจ้าของหัวใจนางกำลังจะถูกประหาร เพราะ..ปกป้องนาง
ก่อนวันประหาร อนารกะลี ยอมมอบตัวต่อพระเจ้าอักบาร์ นางวิงวอนต่อพระองค์ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ได้โปรดประหารชีวิตนาง ละเว้นโทษแด่เจ้าชายซาลิม พระเจ้าอักบาร์ตอบตกลงในคำวิงวอนนั้น แต่ก่อนที่อนารกะลีจะถูกประหาร นางขอพบเจ้าชายซาลิมเป็นครั้งสุดท้าย…ครั้งสุดท้าย
ค่ำคืนแห่งหยาดน้ำตา คำบอกลาอันแสนรวดร้าว…เจ้าชายซาลิมพยายามจะรั้งนาง ไม่ให้สละชีวิตเพื่อตนเอง เพราะต่างคนต่างรัก…รักจนยอมตายแทนกันได้ เมื่ออรุณรุ่งมาถึงทหารยามนำตัวนางไปยังลานประหาร ซึ่งปัจจุบันอยู่ใกล้ ๆ กับ อนารกะลี บาซา(ตลาดอนารกะลี ใน ลาฮอร์)
นางถูกจับมัดไว้กับไม้กระดานแผ่นใหญ่ แล้วถูกหย่อนลงไปในคูน้ำที่เตรียมไว้สำหรับประหาร คำสั่งประหารของพระเจ้าอักบาร์ มหาราช ฝังอนารกะลีทั้งเป็นในคูน้ำ ก่ออิฐปิดทางเข้าออก สร้างกำแพงขึ้นมาล้อมรอบไม่ให้มีผู้ใดสามารถเข้าไปช่วย นี่เป็นโทษทัณฑ์อันสาสมที่นางทำให้เจ้าชายซาลิมก่อกบฏต่อพระองค์
เจ้าชายซาลิมได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก สิ่งแรกที่พระองค์ทำคือตามหาอนารกะลี ..ทว่าสายไปเสียแล้ว นางถูกประชีวิตด้วยการฝังทั้งเป็นไปเสียแล้ว เจ้าชายร่ำไห้จนสลบไปสุสาน เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เจ้าชายซาลิมถูกพระเจ้าอักบาร์เนรเทศออกไป พระองค์รวบรวมกองกำลังกบฏขึ้นมาใหม่ ก่อความวุ่นวายไปทั่วทั้งอินเดีย เมื่อสิ้นรัชสมัยของพระเจ้าอักบาร์ พระองค์ได้เข้ายึดครองแล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นราชาปกครองอินเดียตราบจนวาระสุดท้าย
แม้จะผ่านไปหลายสิบปีเจ้าชายซาลิม ไม่มีวันใดที่เจ้าชายซาลิมไม่คิดถึงอนารกะลี มีเรื่องเล่าว่าคำพูดสุดท้ายก่อนสิ้นลมหายใจ พระองค์ทรงพูดว่า “อนารกะลี” โศกนาฏกรรมความรักระหว่างเจ้าชายซาลิม และ อนารกะลีได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง เป็นเกียรติและอนุสรณ์สถานให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงคุณค่าของความรัก
(ตำนานอีกหลายฉบับเล่าว่า แท้จริงพระเจ้าอักบาร์ มิได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดจะฆ่าสตรีที่พระราชโอรสรักได้ พระองค์สั่งให้สร้างทางลับไว้ในคูน้ำ แล้วแอบไปพบนางพร้อมสั่งห้ามไม่ให้กลับมาพบหน้าเจ้าชายซาลิมอีกมิฉะนั้น พระองค์จะเป็นผู้สังหารทั้งนางและเจ้าชาย)
คลิปสั้น ๆ จากภาพยนตร์ Anarkali
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับ อมตะรักนิรันดร์ ระหว่างเจ้าชายซาลิม และ อนารกะลี โศกนาฏกรรมความรัก รักที่ให้ได้แม้แต่ชีวิตของตนเอง ยุคนี้ไม่ต้องมีรักที่ยิ่งใหญ่ถึงขั้นนั้นก็ได้ ขอแค่เป็นรักที่ซื่อสัตย์ ไว้ใจ เชื่อใจ และ ให้เกียรติกันก็พอ สำหรับวันนี้ พี่หมีน้อย Weddinglist ขอลาทุกท่านไปก่อนนะครับ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : preetk.wordpress.com, mythologystories.wordpress.com,