เพราะเราอยากจัดงานแต่งงานเองมากกว่าจ้าง Wedding Planner ข้อมูลแต่งงานทั้งหมดจึงต้องหาใน Google เพราะทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเป็นลูกคนโตของครอบครัว ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆ ก็ยังไม่เคยมีใครแต่งงาน เลยไม่รู้ว่าจะหาต้นแบบจากไหน ทั้งการจัดพิธี กำหนดการ เขียนสคริปต์ สั่งซื้อของ จองคิวจัดงานแต่ง ฯลฯ
เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวผู้ไม่ประสงค์ออกนามคู่หนึ่งได้จัดงานแต่งงานโดยไม่ได้จ้าง Wedding Planner มาช่วยคิดงาน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะให้งานออกมาเป๊ะทุกด้านของทั้งงาน แถมครอบครัวทั้งสองฝ่ายยังไม่เคยมีประสบการณ์จัดงานแต่งงานในรุ่นลูกหลานมาก่อน ทำให้จุดเริ่มต้นของการจัดงานแต่งเองมักยากเสมอ
จับต้นชนปลาย
ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวหลายคนอาจยังสับสนกับการลำดับขั้นตอน อันนั้นก็ต้องทำ อันนี้ก็ต้องทำ คนนั้นจะเอาอย่างนี้ คนนี้จะเอาอย่างนั้น เจ้าสาวแนะนำให้จดรายการต่าง ๆ เป็นข้อ ๆ มาเลย แล้วแบ่งกันว่า เจ้าบ่าวจะทำส่วนนี้ อีกส่วนหนึ่งให้เจ้าสาวทำ เหมือนกับทำงานกลุ่มนั่นแหละค่ะ เพราะถ้ารอให้ทั้งคู่ว่างพร้อมกันอาจทำให้โพรเซสงานล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่ในส่วนนี้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกันนะคะ
ขั้นตอนที่ 1 : หาฤกษ์แต่งงาน
เนื่องจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้จริงจังเรื่องฤกษ์แต่งงานมากนัก เลยไม่ได้ดูฤกษ์กับพระหรือหมอดูเลย ใช้วิธีการหาวันที่จากข้อมูลดิถีเรียงหมอนในอินเทอร์เน็ต โดยเลือกวันที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวหยุดตรงกัน และมีระยะเวลามากพอให้เตรียมตัว วางแผนจัดงานแต่งงานเองได้ทัน
ขั้นตอนที่ 2 : จัดงานเลี้ยงที่ไหนดี
เจ้าบ่าวเจ้าสาวตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานเป็นที่โรงแรม เพื่อให้สะดวกต่อทั้งสองฝ่าย หลังเสร็จงานก็ไม่ต้องทำความสะอาดเอง โดยจัดแบบแต่งเช้าเลี้ยงเที่ยง
พิธีแต่งงานเช้า เป็นพิธียกน้ำชาแบบจีน และจัดเลี้ยงโต๊ะจีนในตอนเที่ยงของวันนั้น ซึ่งเจ้าสาวกล่าวเพิ่มเติมว่า จัดงานแต่งงานที่ต่างจังหวัดมีข้อดีคือ สามารถแต่งเช้าเลี้ยงเที่ยงแบบม้วนเดียวจบ ไม่ต้องทิ้งช่วงพักเหนื่อยแล้วมาเหนื่อยต่อช่วงเย็น จะได้พักผ่อนยาว ๆ ไปเลย (อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัวด้วยนะ)
ขั้นตอนที่ 3 : ติดต่อโรงแรม
เจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ที่จังหวัดยะลา จึงมีโรงแรมให้เลือกไม่มากนัก และมาตรฐานไม่ต่างกันมาก ก่อนจะจองโรงแรมควรรู้ว่า แต่ละโรงแรมมีอะไรพิเศษให้เราบ้าง ซึ่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลือกโรงแรมจากการต้อนรับของ Sale โรงแรมที่ไปติดต่อเป็นหลัก ถ้า Sale คนนี้ดูให้เกียรติลูกค้า อยากอธิบาย มีรายละเอียดต่าง ๆ เช่น อาหารจัดเลี้ยง เช็กลิสต์ต่าง ๆ ปรินท์ให้ลูกค้าพร้อม ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละโรงแรมย่อมต่างกัน
เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวตัดสินใจได้แล้วก็วางเงินมัดจำ และอย่าลืมขอเบอร์ Sale โรงแรมคนนั้นไว้ ซึ่งช่วงระหว่างเตรียมงาน เบอร์โทร Sale จะมีโอกาสได้ใช้แน่นอน
ขั้นตอนที่ 4 : งานแต่งนี้มีเพื่อใคร
ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า จัดงานแต่งงานครั้งนี้ แขกส่วนใหญ่เป็นแขกรุ่นไหน ถ้าส่วนมากเป็นแขกผู้ใหญ่ การจัดตกแต่งงานอาจต้องเป็นทางการหน่อย แม้จะไม่โดนใจวัยเราก็ควรเอาใจส่วนใหญ่ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดดราม่าตามมาทีหลัง แต่ถ้าแขกส่วนใหญ่เป็นเด็ก ๆ เพื่อน ๆ กันเอง อาจลดความเป็นทางการลง และเน้นคอนเซ็ปต์ที่ดูทันสมัยได้มากขึ้น
สำหรับความเห็นของบ่าวสาวคู่นี้แล้ว การตกแต่งงานให้ยึดตามงบประมาณส่วนตัวเป็นหลัก
ขั้นตอนที่ 5 : เชิญแขกกี่คน
เรื่องนี้คาดคะเนยาก เพราะตอนแจกการ์ดแต่งงาน ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะไม่สามารถถามแขกได้เลยว่ามางานได้หรือไม่
เจ้าสาวแนะนำให้ลองคุยกับทางโรงแรมก่อน เพราะบางโรงแรมกำหนดจำนวนขั้นต่ำของโต๊ะในงาน และสามารถสำรองโต๊ะเพิ่มได้ ซึ่งจะเสียค่าโต๊ะสำรองก็ต่อเมื่อ จำนวนคนไม่พอกับโต๊ะจริงที่สั่งไว้แล้วต้องใช้โต๊ะสำรอง อันนี้ถึงจะเสียเงินตามจำนวนโต๊ะที่ใช้จริงค่ะ
ขั้นตอนที่ 6 : การ์ดแต่งงานและซอง
เจ้าบ่าวเจ้าสาวแนะนำว่า ให้สั่งพิมพ์การ์ดตามจำนวนแขกเบื้องต้นที่แจ้งกับทางโรงแรม และบวกจำนวนอีกประมาณ 10-20% สำหรับคนที่คิดว่าเขาอยู่ไกล ไม่น่าจะเดินทางมาได้ ส่วนซองควรสั่งเผื่อไว้ เพื่อป้องกันการพิมพ์หน้าซองผิด และเผื่อแขกที่มางานลืมเอาซองมา ก็จะมีซองสำรองให้แขกที่หน้างานได้
ขั้นตอนที่ 7 : ชุดแต่งงานพร้อมแพ็กเกจ Pre-Wedding
เจ้าบ่าวเจ้าสาวรวมสองขั้นตอนนี้เข้าด้วยกัน เพราะร้านถ่ายพรีเวดดิ้งส่วนใหญ่จะจัดโปรโมชันถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง พร้อมชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวสำหรับวันงานจริงบวกเครื่องประดับ รวมเป็น 4 ชุด
เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้เวลาหาชุดแต่งงานในวันจริงจากหลาย ๆ ร้านก็พบว่า ค่าเช่าชุดประมาณ 5,000-15,000 บาท / ชุด ซึ่งต้องใช้ทั้งสิ้น 4 ชุด (รวมทั้งเจ้าบ่าวและสาวแล้ว) ตีราคาว่าต่ำสุดชุดละ 5,000 บาท 4 ชุดก็ 20,000 บาท เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลยตัดสินใจซื้อแพ็เกจพรีเวดดิ้ง พร้อมชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวในวันงาน ซึ่งคิดว่าน่าจะคุ้มกว่า
ขั้นตอนที่ 8 : ของชำร่วย
ของชำร่วยมีราคาตั้งแต่ 5 – 45 บาท และแพ็กเกจจิ้งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลือก ซึ่งจำนวนของชำร่วย เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้สูตรเดียวกับการ์ดแต่งงานคือ บวกเพิ่มไป 20% ของจำนวนแขกทั้งหมดที่แจกการ์ดไป เนื่องจากเท่าที่สังเกต แขกที่มางานมักจะหยิบติดไม้ติดมือไปคนละชิ้นสองชิ้น เช่น สามีภรรยาที่มาด้วยกันอาจจะหยิบคนละชิ้น ก็ต้องเผื่อไว้ก่อน เพราะเผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาด เกิดไปแล้วของไม่พอในงานอาจเกิดดราม่าได้
ขั้นตอนที่ 9 : ธีมจัดงานแต่งงาน
ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องมีธีมงานแต่งงานในดวงใจรอไว้แล้วแน่นอน แต่ถ้าใครยังไม่มีไอเดียจัดงานแต่งงาน ลองหาได้จาก Google ซึ่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้ธีมสีชมพู-ครีม-ทอง
ขั้นตอนที่ 10 : Backdrop
เจ้าสาวแนะนำให้ดูสถานที่จัดงานแต่งงานมาก่อนว่า มีพื้นที่วาง Backdrop ได้กี่จุด ขนาดแต่ละจุดควรเป็นเท่าไหร่ ความกว้าง ความสูงของเพดานโรงแรม แล้วมาคิดดีไซน์ของ Backdrop โดยหาร้านรับทำตามแบบหรือหาตามร้านเช่าก็ได้ หากว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีแบบในใจอยู่แล้ว ให้นำแบบไปถามแต่ละร้าน ดูราคาแต่ละร้านซึ่งจะแตกต่างกัน ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวควรตั้งงบประมาณต่อ Backdrop 1 จุดไว้ที่ 8,000-35,000 บาท แล้วแต่แบบ ซึ่งแบบสำเร็จที่ทางร้านมีอยู่แล้วราคาจะถูกกว่าจ้างทำใหม่ ส่วนข้อเสียของแบบสำเร็จคือ มีขนาดเล็ก หากต้องการถ่ายภาพเก็บจำนวนคนเยอะๆ พื้นที่ Backdrop อาจจุไม่พอ ซึ่งเจ้าสาวอาศัยฝีมือการจัดบอร์ดตอนสมัยเรียนมาประยุกต์เอาจนได้
ขั้นตอนที่ 11 : เวทีงานและของตกแต่ง
อันนี้บางโรงแรมจะมีให้บริการอยู่แล้ว ซึ่งโรงแรมที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลือกจัดงานแต่งงานก็เช่นกัน แต่ด้วยความที่อยากให้เข้ากับธีมงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ต้องจัดหามาเอง ใครที่อยากทำเองให้ถามความกว้าง-ยาวของเวที และหากตกแต่งเองทางโรงแรมจะช่วยซัพพอร์ตส่วนไหนบ้าง
ขั้นตอนที่ 12 : เพลง และ VDO Presentation ที่ใช้ในงาน
VDO Presentation ของบางร้านอาจอยู่ในแพ็กเกจพรีเวดดิ้ง แต่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้ซื้อแพ็กเกจนี้ไว้ เลยต้องทำเอง ซึ่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่อยากเล่าที่มาที่ไปให้คนไม่สนิทฟัง เนื้อเรื่อง VDO Presentation ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวจึงเน้นไปทางแนะนำตัว และเป็นรูปถ่ายพรีเวดดิ้งใส่เพลงประกอบ โปรแกรมตัดต่อวิดิโอที่ใช้คือ Sony vegas Pro และแต่งรูปด้วย Photoshop
โดยก่อนหน้านี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวหาข้อมูลแต่งงานเรื่อง ราคาจ้างทำ VDO Presentation มาบ้าง ซึ่งราคาที่ถูกที่สุดจะอยู่ในช่วง 3,500 – 12,000 บาท
ขั้นตอนที่ 13 : เตรียมเครื่องขันหมาก
เจ้าบ่าวเจ้าสาวจึงจัดเตรียมในส่วนตรงนี้เอง ก่อนวันงานที่บ้านเจ้าบ่าวมาจัดขันหมากให้ ซึ่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้ขันหมากแบบจีน จึงไม่ได้เน้นความสวยงามมากนัก แต่ถ้าใครแต่งแบบไทยก็มีร้านรับจัดขันหมากไทยเยอะอยู่ แต่ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูง เพราะขันหมากแบบไทยจะเป็นงานฝีมือ ชุดหนึ่ง 10 กว่าขัน ราคาประมาณ 10,000-20,000 บาท ซึ่งแล้วแต่แบบและทางร้านด้วย
ขั้นตอนที่ 14 : ของแจกคนถือขันหมาก
ตามธรรมเนียมจีนแท้อาจแจกเป็นซองแดงใส่เงินเหมือนอั่งเปา แต่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้เป็นสิ่งของ ราคาชิ้นละประมาณ 80-200 บาท กำลังดี หรือใครหาได้ถูกกว่านั้น อาจป็นร่ม แก้วเซรามิค ผ้าขนหนู หรือบางบ้านอาจจะใช้เป็นสบู่ เครื่องหอม ตามประเพณีไทยดั้งเดิมก็ได้
ขั้นตอนที่ 15 : ของตอบแทนพิธียกน้ำชา
ด้วยความที่จัดพิธีแต่งงานจีน โพรเซสงานจะเริ่มต้นจาก สู่ขอ > นับสินสอด > สวมแหวน > ยกน้ำชา ถ้าเป็นของไทยจะมีตักบาตร ทำบุญ รดน้ำสังข์ก็ว่าไป แบบจีนในพิธียกน้ำชา เมื่อยกน้ำชาให้ผู้ใหญ่ ท่านจะให้ซองแดงกลับมา และเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ให้ของตอบแทนท่านไป ของให้ผู้ใหญ่อาจจะราคาสูงกว่าตอนแจกถือขันหมากหน่อย เพราะถือว่าให้คนที่บ้าน บางคนให้เป็นผ้าถุงบ้าง ผ้าไหมบ้าง ชุดถ้วยชาบ้าง ก็แล้วแต่งบค่ะ
ขั้นตอนที่ 16 : ช่างแต่งหน้าทำผม
จากที่เจ้าสาวสอบถามมา ราคาช่างแต่งหน้าเริ่มต้นที่ 3,500 บาท ซึ่งแล้วแต่ระดับของช่าง ถ้าร้านนี้มีชื่อเสียงหน่อยก็จะอัพราคา 15,000-30,000 บาท แนะนำให้ดูรีวิวก่อนแล้วสอบถามราคา ตอนแรกเจ้าสาวเห็นราคาแล้วก็อึ้งเหมือนกัน ไม่คิดว่าค่าแต่งหน้าจะแพงระดับหลักหมื่น ซึ่งราคาที่เจ้าสาวบอกเป็นราคาต่อครั้งคือ งานเช้า 15,000 งานเย็นอีก 15,000 บาท
ขั้นตอนที่ 17 : ตามหาช่างภาพแต่งงาน
เรทราคาช่างภาพในวันงานมีหลากหลาย ตั้งแต่ 3,000 – 15,000 บาท แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคน เจ้าสาวแนะนำให้หารีวิวดูภาพและสีที่ว่าที่บ่าวสาวชื่นชอบได้ตามแฟนเพจ หลายคนสงสัยว่า ทำไมค่าช่างภาพแต่งงานถึงเป็นหมื่น เพราะช่างภาพแต่งงานบางท่านมีทีมมาด้วย ประกอบด้วยคนถือแฟลช ช่างภาพแคนดิด และช่างภาพหลัก
ขั้นตอนที่ 18 : เดินสายแจกการ์ด
ช่วงเดินสายแจกการ์ดแต่งงานเป็นอะไรที่เหน็ดเหนื่อยมาก ยิ่งว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จัดงานแต่งงานเองจะยุ่งขึ้นเป็น 2-3 เท่าเลยทีเดียว โดยงานแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวเชิญแขกทั้งหมด 380 คน ถือว่าเป็นสเกลงานขนาดกลาง ๆ ค่ะ
ขั้นตอนที่ 19 : อาหารว่างตอนเช้าสำหรับคนที่มาถือขันหมาก
เจ้าสาวบอกว่าแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละครอบครัวเลย ส่วนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นชา กาแฟ และผัดหมี่เบตง บางบ้านอาจมีแค่ชา กาแฟ ขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะคนที่ถือขันหมากต้องเตรียมตัวมาก่อนเวลาอยู่แล้ว ระหว่างรอฤกษ์ก็จะได้ทานรองท้องกันก่อน
ขั้นตอนที่ 20 : สคริปต์พิธีกร และลำดับขั้นตอนการรันคิวงาน
ในเมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่พึ่ง Wedding Planner & Organizer การรันคิวทั้งหมดเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ต้องรันกันเอง แต่เนื่องจากครอบครัวทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ค่อยรู้เรื่องพิธีรีตรองกันเท่าไหร่ เลยอาศัยหาข้อมูลจากอากู๋ ทำสคริปต์ รันคิว ส่งให้ผู้ใหญ่แต่ละฝ่ายได้ซักซ้อมพิธีก่อนวันงานค่ะ
ขันหมากและพิธียกน้ำชา
เจ้าสาวอธิบายเรื่องนี้ ของที่ใช้ในขันหมากเป็นเพียงของตามพิธีเท่านั้น อะไรที่ไม่มีสามารถนำอย่างอื่นมาทดแทนได้ตามความเหมาะสม สุดท้ายแล้วพิธีที่ใหญ่โต ไม่สำคัญเท่าความรักของคนสองคนหรอก
ส่วนขันหมากฝ่ายหญิง
- กล้วยเขียว 1 เครือ จำนวนลูกเป็นเลขคู่
- ต้นชุงเฉ่าห่อกระดาษแดง ติดซังอี้ 1 คู่
- ส้มเช้ง 24 ผล ติดซังอี้ทุกผล
- เอี้ยมแดงครบชุด 1 ชุด
- ของแจกขันหมากฝ่ายชาย
เนื่องจากมีของบางอย่างที่หายากในท้องถิ่นเจ้าบ่าวเจ้าสาว เช่น ส้มเช้ง ซึ่งทางภาคใต้ค่อนข้างหายาก จึงต้องสั่งจากร้านรักเพิ่มพูน ซึ่งนำมาจากร้านซื้อของงานแต่งแนะนำใน Kapook เจ้าของร้านชื่อคุณเมธา ให้บริการและคำแนะนำดีมาก คุณเมธายังบอกเราว่า บางอย่างไม่จำเป็นต้องสั่งทั้งหมด อย่างต้นชุงเฉ่าก็สามารถใช้ต้นว่านเศรษฐีแทนได้ ทางร้านให้บริการดีมาก ทางร้านจึงแพ็กส่งมาให้ทางรถไฟ พร้อมเขียนขั้นตอน วิธีทำ การแนะนำมาให้อย่างดี แถมซังอี้มาเพิ่มให้เราไว้ติดกล้วยเครืออีกด้วย
ของแจกขันหมากฝ่ายชาย
หากเป็นประเพณีไทยสมัยโบราณ ส่วนใหญ่จะแจกเป็นเครื่องหอม โดยมีคนแอบกระซิบเจ้าสาวมาว่า สบู่ LUX น่าจะมีความหมายดี (Lucky หรือ Luxury อันนี้แล้วแต่วิจารณญาณเลยค่ะ)
แต่ในสมัยใหม่ ของแจกก็แล้วแต่ความสะดวกของฝั่งเจ้าสาวเลย เช่น ร่มพับ ร่มตอนเดียว สามารถสั่งได้ตามร้านในเน็ตเยอะแยะเลย บางร้านสามารถสกรีนลายได้ด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 55 บาท แต่อาจต้องสั่งเป็นจำนวนมากหน่อยเท่านั้นเอง หรือถ้าเป็นพิธีแต่งงานจีน บางบ้านถ้าไม่แจกเป็นสิ่งของก็จะแจกเป็นซองแดง
สำหรับของแจกขันหมากในงานแต่งของเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้ได้แก่ แก้วกาแฟบรรจุกล่อง แล้วเรานำมาผูกริบบิ้นผ้าและซื้อถุงหิ้วใส่เอาตามภาพค่ะ
ของรับไหว้ ยกน้ำชา
ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าแพรรับไหว้ ผ้าขนหนู โถเบญจรงค์ หรือถ้าใครมีงบประมาณหน่อยก็จะให้ผ้าตัดเสื้อ
ส่วนของที่ผู้ใหญ่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะเป็นพวกซองเงินบ้าง สร้อยทองบ้าง
ของรับไหว้ยกน้ำชาของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นผ้าแพรที่ซื้อจาก Lotus ซึ่งโชคดีที่ตอนซื้อได้ราคา Sale
ราคาของเริ่มต้นที่ 70 – 300 บาท เจ้าสาวเห็นว่า ของรับไหว้ต้องให้ญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน เลยต้องซื้อเกรดดี แต่เสียดายที่เจ้าสาวไม่ได้ถ่ายรูปไว้ มีแต่ตอนที่เราห่อแพ็กเก็จแล้วมาให้ดูกันตามภาพปลากรอบเลยค่ะ
ค่าใช้จ่ายจัดงานแต่งงาน
เอาละค่ะ…มาถึงค่าใช้จ่ายในการจัดขันหมากที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว
ขันหมาก : ฝ่ายหญิง
- ส้มเขียว 24 ผล ประมาณ = 600 บาท
- ชุดเอี้ยมแดง พร้อมถาดครบชุด = 650 บาท
- ต้นชุงเฉ่า พร้อมถาดครบชุด = 550 บาท
- กล้วย 1 เครือ จำนวนคู่ อันนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวตัดกันเองแถวบ้าน แต่ถ้าจะสั่ง ราคาจะอยู่ที่ 1,750 บาท
- ของแจกขันหมาก เราซือราคาส่งตกชิ้นละ 49 บาท เราใช้ 18 ชิ้น = 793 บาท (อันนี้เจ้าของร้านลดให้อีก 10%)
- พานดอกไม้แหวนหมั้น = 1,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายขันหมากฝ่ายหญิงทั้งสิ้น = 3,593 บาท
ขันหมาก : ฝ่ายชาย
- พานดอกไม้ 2 พาน (พานแหวน+พานสินสอด) = 2,000 บาท
- ส้มเช้ง 48 ผล พร้อมถาด ผ้ามุ้ง โบว์ ครบชุด = 2,700 บาท
- ขนมจันอับ 4 กิโลกรัม แบ่งข้างละ 2 กิโลกรัม = 1,400 บาท
- ขนมเปี๊ยะ 4 กล่อง * 150 = 600 บาท
- คุกกี้อิมพีเรียลกล่องแดง 4 กล่อง*55 = 220 บาท
- เหล้าจีน 2 ขวด เทียนแดง 2 คู่ ราคาประมาณ = 350 บาท
- หมี่มงคล 4 ห่อ*60 = 240 บาท
- กล้วยเขียว (ไม่ได้ซื้อ)
รวมค่าใช้จ่ายขันหมากฝ่ายชายทั้งสิ้น = 7,510 บาท
รวมค่าใช้จ่ายขันหมาก และยกน้ำชา
- ขันหมากฝ่ายหญิง = 3,593 บาท
- ขันหมากฝ่ายชาย = 7,510 บาท
- ถาดใส่ของขันหมาก เราซื้อร้านขายส่งถาดละ 18 บาท *13 = 234 บาท
- ผ้ามุ้งห่อขันหมาก 8 หลา*30 = 240 บาท
- ผ้าแดงเนื้อลื่น 6 หลา*40 = 240 บาท
- โบว์รูด แพ็กละ 28 บาทมี 10 ชิ้นค่ะ เจ้าสาวใช้ 3 แพ็ก มีขันหมาก และของรับไหว้ = 84 บาท
- ผ้าแพร (ของรับไหว้) 199 *16 = 3,184 บาท
- กระดาษห่อของขวัญมันมันแวว สีแดง ใช้ห่อผ้าแพร แพ็คละ 17 บาทใช้ 2 แพ็ค = 34 บาท
รวมค่าใช้จ่ายขบวนขันหมากและของรับไหว้ = 15,119 บาท
งานเลี้ยงแขก
เจ้าบ่าวเจ้าสาวจัดงานที่โรงแรม จะแบ่งเป็นค่าใช้จ่าย 2 ส่วนคือ
- ของเลี้ยงตอนพิธีเช้า
- งานเลี้ยงแขกตอนเที่ยง
เลี้ยงพิธีเช้า จะเป็นชุดอาหารเบรก ชา กาแฟ และข้าวเหนียวสังขยา โรงแรมคิดชุดละ 40 บาท เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้ 60 ชุด = 2,400 บาท อันนี้หากสะดวกเตรียมมาเองจะประหยัดกว่านี้ แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้ห้องโรงแรมทำพิธียกน้ำชาตอนเช้า ซึ่งทางโรงแรมไม่คิดค่าห้อง แต่ให้สั่งเบรกเช้ากับโรงแรมแทน นอกจากนี้แล้ว หลังพิธียกน้ำชาเสร็จเจ้าบ่าวเจ้าสาวยังสั่งผัดหมี่เบตง ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของทางโรงแรมไว้เลี้ยงแขกด้วย ด้วยเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่และทางบ้านเจ้าบ่าวมาจากต่างจังหวัดกัน คิดว่าคงอยากลองชิมอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดยะลา ปรากฏว่าแขกในงานบอกว่าผัดหมี่เบตงอร่อยมาก
รวมค่าใช้จ่ายพิธีเช้า : ค่าเบรคเช้า 2,400 + ค่าผัดหมี่เบตง 1,800 = 4,200 บาท
งานเลี้ยงตอนเที่ยง
เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลือกอาหารจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน เนื่องจากจัดงานแต่งงานที่ต่างจังหวัดมักนิยมจัดเป็นโต๊ะจีน จึงไม่ค่อยเห็นอาหารจัดเลี้ยงแบบ Cocktail เหมือนที่กรุงเทพฯ ซึ่งจริง ๆ แล้ว Cocktail ค่อนข้างจะประหยัดกว่าโต๊ะจีนมาก โดยโต๊ะจีนโรงแรมจะให้เลือกเซ็ตอาหารมีเป็น 10 เซ็ต โดยใน 1 เซ็ตมี 8 อย่างด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ออเดิร์ฟจนไปสุดที่ของหวาน แต่ด้วยความที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทำฉากกันเอง ไม่ใช้อุปกรณ์ ทำให้ Sale โรงแรมเพิ่มอาหารให้เราอีก 1 อย่าง โดยที่ราคาอาหารต่อโต๊ะอยู่ที่ 3,200 บาท รวมเครื่องดื่มน้ำแข็ง น้ำอัดลม โซดา แต่ยังไม่รวมค่าเหล้า โดยค่าเหล้าเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องสั่งร้านข้างนอกต่างหาก
รวมค่าใช้จ่ายโรงแรมจัดเลี้ยงตอนเที่ยง : ค่าโต๊ะ 30 โต๊ะ x 3200 = 96,000 บาท
ส่วนค่าเหล้าใช้ Blend 285 Signature ขวดกลม จ่ายค่าเหล้าไป 10,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายโรงแรมงานเลี้ยงเที่ยง : 106,000 บาท
รวมค่าจัดงานแต่งงานทั้งสิ้น = 125,319 บาท
(ยังไม่รวมค่าแพ็กเกจชุดแต่งงาน + ช่างแต่งหน้าทำผม + ช่างภาพแต่งงาน และอื่น ๆ แต่คาดว่าไม่เกิน 200,000 บาท)
หากว่าที่บ่าวสาวมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามเจ้าของรีวิวได้ที่ : https://pantip.com/topic/36176737