รีวิวงานแต่งสุด Homey ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ @CDC Ballroom

CDC Ballroom สถานที่จัดงานแต่งงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ เดินทางมาง่าย ใกล้ทางด่วน มีที่จอดรถกว้างขวาง มีห้องฮอลล์ (Hall) ขนาดใหญ่สุดอลังการที่สามารถรองรับแขกได้ไม่ต่ำกว่า 700 คน รู้สึกโอ่โถงโล่งสบายด้วยเพดานสูง ประดับประดาไปด้วยแชนเดอเลียคริสตัลสุดหรูหรา มาพร้อมเทคโนโลยีแสง สี เสียงสุดทันสมัย ไม่ว่าต้องการจัดงานแต่งงานสไตล์ไหนก็ไร้ข้อจำกัด โดยวันนี้ทาง Weddinglist ได้รับเกียรติจากทาง คุณเปียวและคุณผักบุ้ง ที่จะมาแชร์ประสบการณ์ความประทับใจในวันแต่งงาน ซึ่งจัดขึ้น ณ CDC Ballroom แห่งนี้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา บรรยากาศในงานวันนั้นจะออกมาสวยงามตราตรึงใจขนาดไหนก็ตามมารับชมกันได้เลยค่ะ

คุณเปียว: เริ่มต้นตั้งแต่ให้ที่บ้านของเปียวไปคุยกับฝั่งของครอบครัวผักบุ้ง จากนั้นก็มาลองนั่งลิสต์ดูว่าจะมีแขกประมาณกี่คนครับ เริ่มดูจากจำนวนแขกฝั่งคุณผักบุ้งก่อนแล้วค่อยมาลิสต์ทางฝั่งบ้านเรา พอได้จำนวนคนมาครบแล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นครับว่าจะเอาไปแพลนต่อยังไง ซึ่งแขกช่วงเช้าประมาณ 150 คน ส่วนที่ CDC ช่วงเย็นประมาณ 300 คนครับ 

คุณเปียว: วิธีการแพลนงานก็น่าจะเริ่มจากการถามเพื่อนที่เพิ่งแต่งงานมาก่อนหน้านั้นครับ คือดูว่าเพื่อนเค้าแต่งกันยังไง จ้างทีมงานไหน จัดสถานที่ไหน งบประมาณเท่าไหร่ แล้วทั้งเปียวกับผักบุ้งเองก็ศึกษาหาข้อมูลจากทั้ง Youtube คลิปวีดีโอในงานแต่ง รวมถึงศึกษาใน Weddinglist หรือตาม Facebook เพื่อดูว่าเค้ามีวิธีจัดงานแต่งยังไงบ้าง แล้วเราทั้งคู่ก็เอาข้อมูลมารวมกันและพูดคุยกันครับ

คุณผักบุ้ง: วันที่เราไปดูสถานที่ก็ถามทางเซลส์ว่า ถ้าเราจัดแค่งานช่วงเย็นจะมีงานเช้ามาก่อนหรือเปล่า เราก็กลัวว่าเค้าจะมาตั้ง Decoration ให้เราไม่ทัน แต่ทาง CDC ก็ยืนยันกับเราเลยว่าถ้าจองในวันนั้นจะมีแค่งานเรางานเดียวและได้ทั้งชั้นไปเลยค่ะ แล้วสถานที่ของ CDC ก็ค่อนข้างกว้างขวางด้วย จริง ๆ อาจจะเพราะว่าผักบุ้งกับพี่เปียวไปดูโรงแรมอื่นมา แล้วต้องแชร์ชั้นกับอีกงานนึง ซึ่งด้วย Layout ของทางโรงแรมทำให้แขกน่าจะต้องเดินผ่านงานเรา ซึ่งมันดูไม่สะดวกเท่าไหร่ค่ะ เลยคิดว่าควรเลือกสถานที่ที่วันนั้นจัดของเราแค่งานเดียวดีกว่า เพื่อให้แขกไม่สับสนแล้วก็ไม่มีปัญหาตามมาค่ะ 

คุณเปียว: ของเปียวน่าจะเป็นที่เรื่องของตัวพี่เปิ้ลด้วยครับ ซึ่งพี่เปิ้ลเป็นเซลส์ของทาง CDC เพราะจริง ๆ เปียวกับผักบุ้งค่อนข้างที่จะทำข้อมูลกันมาเยอะมาก แล้วก็ทำละเอียดเลยครับว่าแต่ละสถานที่เป็นยังไง ราคาเท่าไหร่ แต่ส่วนสุดท้ายที่ตัดสินใจจริง ๆ ก็คือจาก Sense เลยครับ ดูจากการที่เข้าไปพูดคุย ดูว่าที่นี่เค้าตั้งใจที่จะซับพอร์ตเราเต็มที่มั้ย ซึ่งครั้งแรกที่ได้เจอกับพี่เปิ้ลก็ค่อนข้างที่จะดีเลยครับ เพราะทั้ง ๆ ที่เรามีข้อมูลอยู่เต็มหัวเลย แต่เลือกที่นี่เพราะว่าเซลส์ช่วยซับพอร์ตทุกอย่างเลย คือประทับใจมากครับ พี่เปิ้ลแนะนำแม้กระทั่งเรื่องขนาดของโต๊ะที่ไม่อยากให้ใหญ่มาก เพราะจะได้ไม่กว้างเกินไปแล้วคนต้องมาตะโกนคุยกันหรือจะต้องมีการใช้ผ้ารันเนอร์ยังไงให้เหมาะกับโต๊ะ รวมถึงมีอะไรที่พี่เค้ารู้สึกว่ามันแพงไป อันนี้ไม่มีดีกว่า มีการทำให้เราฉุกคิดว่าอันนี้เอาเข้ามามันแพงไปมั้ย ลดราคาส่วนนี้ลงเพื่อไปเติมอย่างอื่นมั้ย จุดนี้เลยเป็นปัจจัยนึงที่เลือก CDC เพราะว่าพี่เปิ้ลเลยครับ

พวกเราได้โยนไอเดียการตกแต่งกับทีมปรายอักษร (Decoration) กลายเป็นว่าเราทำงานร่วมกันได้อย่างดีครับ ทางทีมเล่าเรื่องของเราออกมาได้ตรงตามแบบที่เราต้องการเลยครับ

คุณเปียว: เราสองคนมีความชอบธรรมชาติ มันเป็นส่วนที่ Intersect กันของพวกเรา เพราะมีความชอบภูเขา ท้องฟ้า ทะเล หรือเดินป่าด้วยกัน ก็เลยรู้สึกว่าอยากจะได้ธีมที่เป็นเรา เป็นแนวธรรมชาติ มีภูเขา มีก้อนเมฆระหว่างทางเดินเข้าไปใน Floor เหมือนวิวระหว่างทางที่กำลังเดินขึ้นเขา ไปเจอกับ Backdrop ที่เป็นภูเขา เข้าไปด้านในจะเป็นส่วนของยอดเขาที่เรากำลังนั่งดูดาวอยู่บนนั้นครับ

คุณผักบุ้ง: เราให้โจทย์เป็นสีขาวและเขียวค่ะ ส่วนคอนเซ็ปต์ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่เรา Request ไปเอง ซึ่งจริง ๆ ทาง CDC ก็มีแชมเปญ มีเค้กให้เลือกนะคะ แต่ว่าเราขอเลือกใช้แค่ต้นไม้อย่างเดียว เพราะอยากให้คุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมด้วย อย่างในพิธีก็จะเริ่มจากให้คุณพ่อคุณแม่ใส่ปุ๋ยต้นไม้ก่อนซึ่งเปรียบเหมือนคำอวยพรของเค้า จากนั้นจะเป็นเราสองคนไปรดน้ำต้นไม้ต่อค่ะ

ถ้าพูดถึงบรรยากาศวันงานเราค่อนข้างที่จะแฮปปี้มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Decoration หรือ Mood & Tone ต่าง ๆ Vibe ในงาน เพื่อนหรือคนที่มาร่วมงาน รวมถึงในส่วนของการรันงานต่าง ๆ ด้วย

คุณเปียว: มันค่อนข้างที่จะ Smooth มาก ๆ ครับ แล้ว Feedback จากเพื่อน ๆ ที่เข้ามาก็ค่อนข้างที่จะดีมาก ๆ เลย เพื่อน ๆ หลายคนเล่าให้ฟังว่าเค้ายกให้เป็นงานที่ดีที่สุดเท่าที่เค้าเคยไปงานแต่งมาเลย ด้วยอาจจะเป็นเรื่องของพิธี คนที่มาในงาน รวมถึงสคริปต์ที่เราวางไว้ เราไม่มีทั้งเรื่องของประธานในพิธีและเรามีช่วงที่ให้เพื่อน ๆ พูดถึงพวกเรา เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและประทับใจมากครับ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของ VTR ที่เราตั้งใจทำให้เพื่อนที่มาร่วมในงานด้วย ทั้งหมดนี้ก็เลยเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้บรรยากาศมันออกมา Homey มาก ๆ ทั้งจากที่เรารู้สึก และจากที่เพื่อนเอาไปลงใน Status หรือมาบอกกับตัวด้วยครับ 

คุณผักบุ้ง: เราก็ได้คุยกับพิธีกรที่เป็นเพื่อนเราทั้งสองคนด้วยค่ะ ว่าอยากให้งานวันนี้เป็นฟีลที่มันอบอุ่น อย่างที่พี่เปียวบอกว่ามันมีส่วนต่าง ๆ มาเสริม เราให้เพื่อนมีโอกาสได้พูดและก็มีส่วนที่ไม่ได้จริงจังมากนัก เลยกลายเป็นว่าบรรยากาศในงานก็เลยดู Homey อย่างที่เราต้องการในตอนแรกค่ะ

อาหารในวันงานจะเป็นแบบบุฟเฟต์ค่ะ เพราะเคยคุยกันว่าเวลาเราไปงานแต่งที่เป็นแบบค็อกเทลจำนวนเก้าอี้ที่มีให้จะน้อยมาก สาว ๆ ก็จะบ่นว่าเมื่อย เจ็บขา งานเราเลยอยากให้ทุกคนได้มีที่นั่งหรือมีเก้าอี้ของตัวเองค่ะ

ประทับใจอะไรที่สุดในวันแต่งงาน

คุณเปียว: ผมได้มีโอกาสดูวีดีโอแล้วเห็นหน้าตัวเอง รู้สึกว่ามันคือรอยยิ้มที่ดูมีความสุขมาก ๆ เติมเต็มทุกอย่าง ทั้งเจ้าสาวที่ได้เดินด้วยกันซึ่งวันนั้นเค้าสวยมาก แล้วผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ มาจากศรีสะเกษ เพื่อนห้องผมมีประมาณ 30 คน วันนั้นน่าจะมาซัก 24 คน เกือบเต็มห้อง พวกเค้าเดินทางมากันไกลมากเพื่อที่จะมาอยู่กับเราในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ณ ที่แห่งนี้ รู้สึกเหมือนเป็นการ Reunite ซึ่งเป็นหนึ่งในความตั้งใจแรกที่เราจะเอาคนที่เรารักกลับมาอยู่รวมกัน ได้มาเจอกันอีกครั้ง เลยเป็นความรู้สึกประทับใจมาก ๆ ครับ

คุณผักบุ้ง: ของผักบุ้งน่าจะเป็นเรื่องบรรยากาศแล้วก็เรื่องของเพื่อน ๆ ค่ะ อย่างที่บอกเลยว่า Decoration เค้าค่อนข้างทำมาได้ตอบโจทย์ความเป็นธรรมชาติ เลยส่งให้ Mood ของงานเป็นแบบที่เราต้องการ แล้วก็มีเพื่อน ๆ และทุกคนที่เรารักมายินดีอยู่ตรงนั้นค่ะ เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราได้ทักทายกัน ทั้งตอนยืน Backdrop หรือว่าช่วงก่อนกลับที่ทุกคนมาบอกกับเราว่างานดีนะ มีความสุขมากนะ ทุกคนแฮปปี้แล้วก็ดีใจที่ได้มา ทั้งหมดนี้เลยเป็นโมเม้นต์ที่เราประทับใจค่ะ 

ฝากถึงว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงาน

คุณเปียว: อย่างแรกคือไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เครียดเพราะเครียดแน่นอน ซึ่งผมเข้าใจว่าพอเราตั้งใจกับอะไรไปมาก ๆ มันจะส่งผลกับอารมณ์ความรู้สึกของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเอง เพราะฉะนั้นเต็มที่กับมันถ้าเครียดมากก็หาวิธี Relax ผมเชื่อว่าทุกครั้งที่เราเต็มที่กับอะไรมาก ๆ Output ของมันจะส่งกลับมาในงานวันจริง สิ่งที่เราตั้งใจทำมามันสื่อถึงทุกคนและทุกคนก็ได้รับมันแน่นอนครับ อีกอย่างที่อยากจะให้มีก็คือ VDO ครับ ผมว่ามันเป็นการลงทุนสุดท้ายที่มันทำให้เราเห็นภาพในวันงานครับ เพราะ ณ วันที่เราแต่งงาน เราไม่มีเวลาไปมองเลยครับว่ามุมนั้นเป็นยังไง แขกที่เป็นยังไง เรากำลังยิ้มแบบไหนอยู่นะ

ส่วนเรื่องสถานที่เปียวว่าก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่เราจะต้องตั้งใจเลือก เพราะจริง ๆ Concern ที่เราเลือกที่นี่ไม่ใช่แค่เหตุผลของเราสองคนแต่จะมี Concern จากผู้ใหญ่ด้วย อย่างเรื่องของสถานที่จอดรถถ้ามีคนสูงอายุจะต้องเดินจากที่จอดรถไกลมั้ย มีที่จอดรถ VIP มั้ย เพียงพอหรือเปล่า สถานที่เป็นยังไง รวมถึงการจัดงานในหลาย ๆ ที่ตอนนี้ อย่างบางโรงแรมมันสามารถจัดงาน 2-3 งานพร้อมกันใน Floor เดียวกันด้วยซ้ำไปบางที่ สำหรับผมค่อนข้างรู้สึกว่ามันไม่ค่อย Private ผมกับผักบุ้งเลยมองตรงกันที่ว่าอยากได้สถานที่ที่เป็นของเราอย่างเดียว มีแค่งานเรางานเดียวในวันนั้นเพื่อให้แขกไม่สับสน สามารถเดินขึ้นมาก็เจองานเราเลย ผมเลยว่านี่อาจจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

คุณผักบุ้ง: ถ้าเป็นของผักบุ้งก็คิดว่าเป็นเรื่องของสถานที่จัดงานแล้วก็สไตล์งานค่ะ อยากให้เลือกงานที่เป็นตัวเรา อยากจะให้คำนึงถึง Concern ของตัวเองด้วย อย่างของบุ้งจริง ๆ เคยอยากจัดงานในสวนมาก ๆ ค่ะ ก็คิดว่าน่าจะได้ แต่พอลองไปงานแต่งงานที่อยู่ในสวนในช่วงที่ไม่ได้มีลมหนาวมาก็หน้าเยิ้มอยู่นะคะ เลยอยากจะให้ลองดู Condition ต่าง ๆ ในการที่จะจัดงาน ซึ่งจริง ๆ แล้วการจัดในโรงแรมหรือว่าสถานที่แบบของ CDC หรือตาม Venue ต่าง ๆ ก็สามารถทำให้ความรูู้สึกมัน Relax แล้วก็ Homey เหมือนกับการจัดงานในสวนได้เหมือนกันค่ะ