“ส่วนงานแต่งช่วงเย็นจะมีปัญหาหลัก ๆ สองประเด็นคือ ควบคุมแขกในระหว่างที่ต้องเก็บภาพช็อตสำคัญไม่ได้ ต้องยอมรับว่าแก้ยาก โดยเฉพาะแขกที่มายืนบังรันเวย์และแขกช่างภาพมือถือ แถมช่างภาพบางคนก็เล็งนาน กดชัตเตอร์ช้า ช้าจนช่างภาพหลักพลาดช็อตสำคัญไป ในเมื่อปัญหานี้ห้ามกันไม่ได้ ก็ต้องแก้ปัญหาในส่วนที่ช่างภาพพอจะทำได้
บนรถผมมีอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมสำหรับแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในงาน บางคนอาจมองว่าเกินความจำเป็น หรือยังไม่เห็นความสำคัญของอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ นั่นอาจเป็นเพราะคุณยังมีอคติส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องอุปกรณ์เสริม อยากให้เปิดกว้างมากกว่านี้ แต่สำหรับงานแต่งงานที่เกิดขึ้นแล้วแก้ไขไม่ได้ เตรียมพร้อมเผื่อเหลือย่อมดีกว่าเผื่อขาด เพราะไม่รู้ว่าหน้างานจะเจอปัญหาอะไรบ้าง ก็แล้วแต่สถานการณ์ อย่างเช่น ถ่ายพรีเวดดิ้งกลางแดดแรง ๆ มักเกิดปัญหาเงาช่วงหน้าเยอะ ก็ต้องแก้ด้วยรีเฟล็กซ์เปิดเงาจากแดด พอบ่าวสาวแพ้แสงสะท้อนก็เปลี่ยนมาใช้แฟลชแทน คู่บ่าวสาวอยากได้ฉากหลังเป็นท้องฟ้าแต่ฟ้าไม่สด ก็ต้องยิงแฟลชให้ฟ้าเข้มขึ้น
ส่วนวันงานจริงก็ต้องเตรียมไฟ LED ให้ผู้ช่วยช่างภาพคอยส่องไปที่คู่บ่าวสาวในบางช่วงที่แสงไฟในห้องงานมืดเกินไป เช่น จังหวะเปิดตัว หรือตัดเค้ก เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้แก่คู่บ่าวสาว ส่วนอีกประเด็นคือ สภาพห้องจัดงานอาจไม่เป็นใจให้กับการทำงาน อย่างห้องจัดงานนี้แสงน้อยไปช่วงเวที ผมก็ต้องเตรียมไฟส่องสว่างไปด้วยเพื่อเติมแสงสว่างให้คู่บ่าวสาวด้วยเช่นกัน ถ่ายงานแต่งที่จัดเลี้ยงค็อกเทล ผมก็ต้องเตรียมบันไดไปเพราะงานแต่งงานแบบค็อกเทล เมื่อถึงช่วงการตัดเค้ก หรือช่วงไฮไลท์ในงานต่างๆ แขกก็จะมาร่วมถ่ายรูปบ่าวสาวด้วย ถ้าเราพกบันไดไป ช่างภาพก็จะไม่ถูกมือถือหรือแท็บเลตที่ชูขึ้นเหนือหัวของแขกบังมุมกล้อง”
โดยส่วนตัวน้าเบิร์ดแล้วเจอปัญหาที่จัดการไม่ได้เหล่านี้น้อยมาก เพราะด้วยความที่ถ่ายภาพในวงการแต่งงานมานานกว่า 10 ปี นับว่ามากพอที่จะการันตีถึงประสบการณ์การแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นมืออาชีพได้แล้ว