ในบทความรีวิวงานแต่งงานที่ Weddinglist จะพาไปรับชมนั้น เหมือนจะเป็นงานแต่งธรรมดาทั่วไป แต่พอได้สัมภาษณ์ เจ้าสาวคุณปุ้ย และเจ้าบ่าวคุณไท้ ที่ได้จัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ณ ห้อง Le Grand Ballroom ชั้น 7 โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท แล้ว ต้องขอบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะบรรยากาศภายในงานนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และคราบน้ำตาแห่งความสุขของทุกคนในงาน พร้อมกับการตกแต่งสถานที่ทำให้งานออกมาเรียบหรู คลาสสิค ไม่น่าเบื่อเลย

คำบอกเล่าจากคุณปุ้ยเจ้าสาว ที่มีเวลาเตรียมตัวเพียง 4 เดือน และในตอนแรกคุณปุ้ยอยากจัดตามสถานที่จัดงานแต่งงาน ที่ไม่ใช่โรงแรม แต่ทางเจ้าบ่าวคุณไท้ อยากจะมี After Party แบบจัดเต็ม จึงทำให้ต้องเบนเข็มมาทางโรงแรมแทน และที่แรกที่เปิดใจเลยคือ Sofitel Bangkok Sukhumvit ยิ่งพอได้พูดคุยกับคุณซีทีมงานโรงแรม ยิ่งทำให้เราทั้งคู่ตัดสินใจเลือกที่นี่ได้ไม่ยากเลย และด้วยทำเล ความสวยงามของสถานที่ ยิ่งทำให้เราไม่มองหาช้อยส์อื่นเลย

คุณปุ้ยเจ้าสาวสุดสวยของเรา มีอาชีพเป็นช่างแต่งหน้า ผ่านการแต่งหน้าให้เจ้าบ่าว เจ้าสาวมาแล้วหลายร้อยคู่ แต่วันนี้ถึงวันที่เป็นเจ้าสาวเอง จึงได้ใช้ประสบการณ์ที่แอบศึกษาดูงานจากงานแต่งลูกค้า พร้อมดูรีวิวงานแต่งงานมาบ้าง ก็ทำให้พอรู้ว่ามีอะไรที่ควรให้ความสำคัญและเก็บรายละเอียด จึงเป็นที่มาของงานแต่งงานบรรยากาศอบอุ่น เพราะทั้งคู่เลือกเชิญเฉพาะแขกคนสนิทจริง ๆ เท่านั้น ธีมงานเน้นสีเขียว น้ำตาล นู้ด เอิร์ธโทน ฟีลอบอุ่น เรียบง่าย คอนเซปต์ไม่ได้มีอะไรพิเศษ

แต่ทางทีมงาน Decoration ฟลอริสต้า Wedding สามารถเนรมิตงานออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถูกใจเราสองคนมาก ๆ ถึงจะดูเรียบง่ายแต่รับรู้ได้ถึงความใส่ใจในการตกแต่ง และสิ่งที่เจ้าสาวมักจะกังวลอยู่บ่อยครั้งคือการรันคิวในวันงาน ว่าจะออกมาเป๊ะ ตรงใจที่เราวาดฝันไว้หรือเปล่า หรือจะเกิดปัญหาเฉพาะหน้าอะไรที่เราไม่สามารถจัดการแก้ไขได้เอง ก็ต้องยกเครดิตให้ทีมทีมรันคิว ตั๊กแตน Wedding ที่ช่วยทำให้พิธีต่าง ๆ ในงานออกมาอย่างราบรื่น

และสำคัญที่สุดต้องขออวยยศให้กับห้อง Le Grand Ballroom ชั้น 7 โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท ซึ่งภายในมี จอ LED ขนาดยักษ์ จากแบล็กดรอปเวที ก็เปลี่ยนมาเป็นจอทำให้เพิ่มลูกเล่นในงานได้อีกหลากหลาย ซึ่งในงานตกแต่งด้วยดอกไม้เขียว-ขาว คุณปุ้ย คุณไท้ จึงทำ Motion Graphic เป็นสีแดงเพื่อให้ตัดกับบรรยากาศภายในงาน เรียบง่าย แต่คลาสสิคสุด

คุณปุ้ยเล่าให้ฟังว่า งานแต่งงานไม่มีพิธีรีตองอะไรมากแต่เรามีโมเมนท์สำคัญของงานนั้นคือช่วง Vow Ceremony (ทำความรู้จักพิธีนี้ให้มากขึ้น คลิก) เป็นช่วงที่เราจะให้คำมั่นสัญญากัน มันดูน่ารักและจริงใจดี

“ตอนแรกเราตั้งใจเขียนโน้ตไว้ เราก็พยายามจำ

แต่สุดท้ายก็ขึ้นไปก็ด้นสด แต่เราก็พูดความรู้สึกจากใจ ไม่ติดขัดเลย

คิดว่าพูดดีกว่าที่เขียนไว้อีก เราได้บอกความในใจให้คนที่เรารักฟัง

เจ้าบ่าวเป็นคนพูดไม่เก่ง ก็ยังคิดว่าจะพูดได้หรือไม่ แต่เจ้าบ่าวก็พูดได้ดีมาก

ทำเราร้องไห้เลย เป็นช็อตนำตาแตก”

และอีกช่วงที่ไม่พูดไม่ได้ และเพื่อน ๆ แขกในงานตั้งตารอคือ After Party อีกหนึ่งความดีงามของ Sofitel Bangkok Sukhumvit คือเรานำเข้าวงดนตรีแบบไม่มีค่านำเข้าครบจบในแพ็กเกจไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจุกจิก แถมสามารถเปลี่ยนบรรยากาศห้องจากงานแต่งที่อบอุ่น สู่ปาร์ตี้ที่สนุกสุดเหวี่ยงแบบไร้ที่ติได้ แขกแฮปปี้ เจ้าของงานก็ดีใจ

ถ้าเป็นไปได้ถ้ามีเวลาเตรียมตัว อย่างให้เตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ โดยส่วนตัวไม่ได้ใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ เตรียมเองทั้งหมด แต่โชคดีที่เรามีทีมดี อยากแนะนำโรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท เราไม่ได้แค่โรงแรมแต่เราได้ service ที่ดี โดยเฉพาะทีมงานคุณซี มีส่วนสำคัญมีประสบการณ์สูงแนะนำแต่ของดี ๆ

สิ่งที่ควรเตรียมล่วงหน้า เป็นอย่างแรก คือสถานที่ ช่างแต่งหน้า ช่างภาพ และชุด โดยเฉพาะช่างแต่งหน้า บางรายจองกันข้ามปี อีกสิ่งสำคัญอยากให้บ่าวสาวไม่ต้องซีเรียสมาก ดื่มด่ำบรรยากาศให้เต็มที่ ปุ้ยเชื่อว่าทุกคนในงานโฟกัสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว เรื่องอื่น ๆ ถ้าจะผิดพลาดก็ปล่อยไป ยิ้มสวย ๆ ทั้งงาน

และในฐานะที่เป็นช่างแต่งหน้าขอแนะนำเจ้าสาว สำคัญคือเรื่องสิว ต้องรักษาให้ดี บางครั้ง makeup จะกลบยาก ควรมาร์กหน้าล่วงหน้าทุกวันอย่างน้อย 7 วัน หรือหนึ่งเดือน เพราะหน้าที่ดีคือหน้าที่ชุ่มชื่น ในวันงานหน้าใส หน้าเด้ง เครื่องสำอางติดทน ปุ้ยคอนเฟิร์มค่ะ ติดตามเจ้าสาวและผลงานได้ที่ IG เจ้าสาวเลย

คุณปุ้ย…