การจัดงานเลี้ยงที่มีความสำคัญระดับนี้อาจทำให้คนเราเกิดอาการเครียดได้…เราเข้าใจที่คุณนอยด์ ดังนั้น Weddinglist จึงได้รวบรวมเอาสัญญาณของการกลายร่างเป็น Bridezilla เข้ามาไว้ที่นี่แล้วค่ะ ว่าที่เจ้าสาวรีบเช็คด่วนก่อนที่คุณจะกลายเป็นบุคคลสยองสร้างฝันร้ายให้กับเพื่อนๆ และคนรอบข้าง
สัญญาณที่ 1 คุณไม่สามารถยอมรับสถานะของตัวเองได้ดีพอ
ตั้งงบงานแต่งไว้สองแสน แต่ค่าเช่าชุดปาไปแล้วห้าหมื่น อยากจ้างช่างแต่งหน้าระดับท็อปของประเทศปรากฎว่ารายจ่ายรวมตอนนี้เบ็ดเสร็จแสนถ้วน จากนั้นนั่งนอยด์คุณเจ้าบ่าวว่าไม่พร้อมเปย์เลยให้ตายสิ…แบบนี้ไม่ดีแน่ ใจเย็นๆ แล้วถอยกลับมามองความเป็นจริงของตัวเอง ของดีราคาน่ารักยังมีอยู่ในโลกนะคะ เลือกที่เหมาะสมกับงบประมาณดีกว่า หรือลองดูข้อมูลที่ Weddinglist ก็ได้ค่ะ ทุกเรื่องงานแต่งงานเรารู้ลึก รู้จริง
สัญญาณที่ 2 คุณคิดถึงตัวเองมากเกินไป
วันสำคัญแบบนี้รู้มั้ยว่าฉันต้องเตรียมแผนงานมานานแค่ไหน รู้มั้ยว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน แล้วคุณเคยช่วยอะไรฉันบ้าง เอาแต่นิ่งๆ ไม่ออกความเห็น…ถ้ามีความรู้สึกน้อยอกน้อยใจพรรค์นี้อยู่ในสมองรีบเคลียร์ตัวเองโดยด่วน จะพูดคุยกับคนรัก หรือระบายให้คนในครอบครัวฟังตรงๆ ก็ดีค่ะ เพราะถ้าวันหนึ่งคุณทนไม่ไหวแล้วระเบิดออกมางานนี้ศพเละทุกรายแน่นอน อย่าลืมว่าคนอื่นเขาก็พร้อมช่วยคุณนั่นแหละ และบางทีเขาอาจจะลงมือช่วยคุณไปแล้วด้วย แต่เพราะคุณมัวแต่หมกมุ่นคิดถึงแต่ความเหนื่อยของตัวเองมากเกินไปยังไงล่ะ
สัญญาณที่ 3 คุณคาดหวังความสมบูรณ์แบบมากเกินไป
ท่องเอาไว้ว่าในโลกนี้คนเราไม่สามารถควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่างรวมไปจนถึงงานแต่งงานของตัวคุณเองด้วย ควรเผื่อใจและยืดหยุ่นไว้ในประมาณหนึ่ง ถ้าคุณลงมือออแกไนซ์เองทุกอย่างแนะนำว่าลองคุยแบ่งเบาภาระให้เพื่อนของคุณบ้าง เราเชื่อว่าพวกเขายินดีช่วยเหลือคุณตั้งแต่ตกปากรับคำมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว-เจ้าบ่าวแล้วล่ะ หรือถ้าใครที่จ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็จะสบายกับเรื่องตรงนี้ไปมาก แต่อย่าลืมว่าต่อให้มืออาชีพแค่ไหน ในวันงานก็อาจเกิดปัญหาเฉพาะหน้าร้อยแปดอย่างได้ ดังนั้นอย่าเก็บมาใส่ใจจนมากเกินไป โฟกัสที่ครอบครัวและคนรักของคุณจะดีที่สุดค่ะ
สัญญาณที่ 4 คุณจู้จี้จุกจิกมากเกินไป
เวลาก็งวดเข้ามาทุกทีแต่คุณก็ยังเที่ยวเปลี่ยนแพลนนั่นนี่ไม่เลิก ขอบอกเลยว่าพฤติกรรมแบบนี้จะทำให้คุณกลายร่างเป็น Bridezilla แน่นอน 100% เพราะเมื่อถึงจุดที่ทุกอย่างกำลังจะไม่ทันคุณจะต้องเครียดจนปรี๊ดแตกแน่ ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรก็ตามหาข้อมูลให้ดีก่อน เอาให้ชัวร์ แล้วไม่ต้องเปลี่ยนกลับไปกลับมา แวะมาอ่านบทความดีๆ ใน Weddinglist ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่มีประโยชน์แน่นอน
สัญญาณที่ 5 คุณเลือกมากเกินไป
ถัดจากข้อที่แล้วถ้าเลือกนานเกินไปก็จะเกิดปัญหาเอาได้ ดังนั้นควรจำกัดข้อมูลต่างๆ ให้ลดขอบเขตลงมา วางแผนไว้เนิ่นๆ เช่น ต้องการจัดงานแต่งงานย่านไหน ก็หาโรงแรมหรือสถานที่จัดงานในย่านนั้น อยากใส่ชุดเจ้าสาวทรงไหนล่ะ ก็หาแบบชุดที่ต้องการ อย่าเดินสายหว่าน เพราะยิ่งตัวเลือกเยอะเกินไปคุณก็จะยิ่งเลือกไม่ได้
สัญญาณที่ 6 คุณเอาเรื่องของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมากเกินไป
ตัวคุณก็คือตัวคุณ ไม่เหมือนใครและไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เลี่ยงพฤติกรรมเม้าท์มอยเปรียบเทียบจำพวก ตอนเพื่อนแต่งงานสามีเขาช่วยเลือกของดี๊ดี แต่ทำไมงานเราคุณเจ้าบ่าวกลับไม่ยอมตัดสินใจบ้างปล่อยให้เราเลือกคนเดียวเสียนี่…พอค่ะ ทำความเข้าใจไว้ด้วยว่าไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะมีเซ้นส์ทางแฟชั่น เขาขับรถพาคุณไปตระเวณหาก็ดีเท่าไหร่แล้ว ดังนั้นไม่นะจ๊ะ อย่าลำใยลองกองฟักแฟงแตงไทย โดนเทก่อนได้จัดงานเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
สัญญาณที่ 7 คุณแบ่งแยกไม่ชัดเจนระหว่างเรื่องส่วนตัวกับส่วนรวม
ข้อนี้สำคัญมากถึงขั้นตัดสินความเป็นตายจะอยู่จะไปของคู่รักได้เลยทีเดียว ที่โบราณเขาว่าไฟในอย่านำออกไฟนอกอย่านำเข้า เป็นสุภาษิตที่ยังใช้ได้เสมอนะคะ ไม่ว่าระหว่างจัดงานจะมีปัญหาอะไรก็แต่ควรพูดคุยกันตรงๆ ปรับความเข้าใจกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ แก้ไม่ได้ ตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนว่าจะไปปรึกษาใคร อย่าเอาไปเล่าให้เพื่อนฝูง ญาติโกโหติกาฟังโดยพลการ จนเขากลายเป็นคนไม่ดีในวงสังคมรอบข้าง ซ้ำร้ายไปตั้งกระทู้ถามในเน็ตอีกซะนี่ ถามตัวเองดูว่าคุณให้เกียรติคู่ของตัวเองมากพอหรือเปล่า เพราะถ้ากลับกันให้ฝ่ายชายทำแบบนั้นกับคุณบ้างเวิ่นเว้อเป็นชาติไม่จบแน่นอน
เป็นยังไงบ้าง…อาการแบบนี้ไม่น่ารักเลยใช่มั้ยล่ะ รู้ตัวแล้วว่าช่วงนี้เรามีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามข้อใดข้อหนึ่งรีบกู้สติกลับมาด่วนๆ เพื่อสวัสดิภาพของคนรอบตัวที่เขาแคร์และห่วงใยคุณมากๆ นะคะ
